ข้อสังเกตุ คำพิพากษาศาล เกียวกับประกัน
1082

ข้อสังเกตุ คำพิพากษาศาล เกียวกับประกัน

บริษัทประกันภัยมักจะยกเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยขึ้นปฏิเสธความรับผิดชอบเสมอซึ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยเกี่ยวกับเงื่อนไขเหล่านั้นดังนี้
1.เงื่อนไขเกี่ยวกับผู้เอาประกันภัยตกลงค่าเสียหายกับบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2208/2518ข้อสัญญาที่ผู้เอาประกันภัยตกลงยอมใช้ค่าเสียหายแก่คนอื่นไม่ได้มีไว้คุ้มครองผู้รับประกันภัยในกรณีเสียหายเพราะไปทำสัญญากับคนภายนอกไม่ใช่ข้อยกเว้นความรับผิดในกรณีผู้เอาประกันภัยเรียกค่าเสียหายแก่รถของตนเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่621/2527เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องไม่ตกลงยินยอมเสนอหรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทและที่ว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองความรับผิดอันยอมรับตามสัญญาซึ่งความรับผิดนั้นจะไม่เกิดขึ้นหากปราศจากสัญญานั้นเป็นการป้องกันมิให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นแต่กรณีเป็นฝ่ายผิดจะเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2892/2529จุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยที่ห้ามผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้รับประกันภัยก็เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นถ้าผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดจะเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ตามกรมธรรม์ประกันภัยผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคาก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่2ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดผลจากการใช้รถยนต์ของจำเลยที่2ผู้เอาประกันภัยในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
2.เงื่อนไขเรื่องผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1006/2518กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์มีข้อความยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ถูกต้องตามกฎหมายอันสามารถใช้ขับขี่ยานยนต์เอาประกันภัยผู้ขับรถมีแต่ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ฯแต่ไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกฯผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1975/2518กรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทโจทก์มีข้อความยกเว้นความรับผิดในกรณีที่ผู้ขับขี่รถไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายหรือกฎข้อบังคับอื่นๆให้ขับรถยนต์นั้นได้แต่เมื่อผู้ขับขี่รถดังกล่าวในขณะเกิดเหตุได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ซึ่งออกให้โดยเจ้าพนักงานตำรวจ เดนมาร์คแม้ใบอนุญาตนั้นใช้ในประเทศไทยไม่ได้ก็ไม่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดนี้เมื่อโจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้วจึงเข้ารับช่วงสิทธิฟ้องจำเลยที่2ในฐานะนายจ้างของผู้ทำละเมิดและจำเลยที่3ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนให้ร่วมกันรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1971/2519เงื่อนไขที่จำเลยไม่ต้องรับผิดตามข้อความในกรมธรรม์ประกันภัยมีว่าใช้รถยนต์นั้นขับขี่โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตขับขี่หรือตามกฎหมายการที่คนขับรถของโจทก์ผู้เอาประกันภัยขับรถในระหว่างที่ใบอนุญาตขับขี่ขาดต่ออายุมาเป็นเวลาประมาณ4เดือนเศษถือไม่ได้ว่าไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์จากเจ้าพนักงานจึงไม่เข้าเงื่อนไขตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ(ฉ)จำเลยต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่343/2521ผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยตกลงกันบันทึกไว้ว่าให้ใช้ใบขับขี่ของกรมตำรวจได้เมื่อผู้ขับรถยนต์บรรทุกของผู้เอาประกันภัยมีใบขับขี่ของกรมตำรวจแต่ไม่มีใบอนุญาตของกรมการขนส่งผู้รับประกันภัยจึงยกเงื่อนไขในกรมธรรม์มาปฏิเสธความรับผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1299/2521เงื่อนไขในกรมธรรม์ว่าบริษัทไม่รับผิดเมื่อรถได้ขับขี่โดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายหรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายดังนี้ผู้ขับรถของโจทก์มีใบอนุญาตแต่ขาดต่ออายุมิใช่ความสามารถในการขับรถบกพร่องหรือเสียสิทธิอันต้องห้ามตามกฎหมายใบอนุญาตมิได้ถูกยกเลิกเพิกถอนไม่เข้าข้อยกเว้นที่บริษัทจะไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2191/2521คนขับรถของโจทก์มีใบอนุญาตขับรถของกรมการขนส่งแม้ใบอนุญาตของกรมตำรวจถูกยึดไปก็ไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ที่ยกเว้นความรับผิดในกรณีที่คนขับรถของโจทก์ไม่มีใบอนุญาตขับรถ
คนขับรถของโจทก์ประมาทฝ่าฝืนกฎจราจรจึงเกิดเหตุขึ้นเป็นข้อที่จำเลยต้องรับผิดตามเงื่อนไขในกรมธรรม์นั้นเองจึงไม่เป็นเหตุยกเว้นความรับผิดเพราะฝ่าฝืนกฎจราจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1484/2523กรมธรรม์ประกันภัยกำหนดว่าผู้รับประกันภัยไม่รับผิดถ้าผู้ขับรถยนต์ไม่มีใบอนุญาตขับขี่หรือใบแทนใบอนุญาตปรากฏว่าผู้ขับรถยนต์มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์แต่เจ้าหน้าที่ยึดไปแล้วทำหายได้ออกใบแทนให้จึงไม่ผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1765/2524การที่ผู้รับประกันภัยยอมซ่อมรถที่เสียหายเนื่องจากรถของผู้เอาประกันภัยโดยดีแสดงว่าไม่มีการโต้แย้งกันในเรื่องผู้ขับรถของผู้เอาประกันภัยมีใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่จึงถือได้ว่าผู้รับประกันภัยสละสิทธิไม่ติดใจที่จะให้ผู้เอาประกันภัยปฏิบัติตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุให้ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่นำหลักฐานมาแสดงเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ขับรถยนต์ในขณะเกิดอุบัติเหตุได้รับอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1201/2526ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุว่าไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถยนต์ตามกฎหมายหรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในขณะเกิดเหตุปรากฏว่าคนขับรถยนต์ของโจทก์เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขับรถยนต์ได้แต่ขณะเกิดเหตุขับรถไปชนผู้อื่นขาดต่ออายุใบอนุญาตดังนี้กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นดังกล่าวข้างต้นจำเลยผู้รับประกันภัยไม่พ้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2832/2529เงื่อนไขตามสัญญาประกันภัยที่กำหนดให้จำเลยที่3ผู้รับประกันภัยร่วมรับผิดกับจำเลยที่2ผู้เอาประกันภัยก็ต่อเมื่อจำเลยที่2ได้นำหลักฐานมาแสดงแก่จำเลยที่3ว่าขณะเกิดเหตุคนขับรถยนต์ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายนั้นตามสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่าให้จำเลยที่3หลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาจำเลยที่2จะปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยอย่างไรหรือไม่เป็นเรื่องที่จำเลยที่3จะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยที่2ผู้เป็นคู่สัญญาจะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างจำเลยที่2และที่3หาได้ไม่จำเลยที่3จึงต้องรับผิดตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่4127/2529ความรับผิดของจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยที่มีต่อโจทก์เกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนระหว่างจำเลยที่2กับจำเลยที่3เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่3ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมกับจำเลยที่1ที่2โดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาดังกล่าวจำเลยที่3ย่อมยกเงื่อนไขข้อยกเว้นและข้อจำกัดความรับผิดของตนที่กำหนดไว้ในสัญญาขึ้นต่อสู้กับโจทก์ได้เว้นแต่เงื่อนไขข้อยกเว้นหรือข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจะขัดต่อกฎหมายแต่ข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่3ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองถึงความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใดๆไม่ขัดต่อกฎหมายจึงใช้บังคับได้เมื่อจำเลยที่1ลูกจ้างจำเลยที่2ขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยในขณะเกิดเหตุโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์อันผิดเงื่อนไขในตามกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยที่3จึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยที่2ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยแล้วและจำเลยที่3มีสิทธิยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ได้จำเลยที่3จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2290/2530เมื่อข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบมารับฟังได้ว่าในวันเกิดเหตุ ส. มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลที่ออกให้โดยนายทะเบียนยานพาหนะฯแต่ขาดต่ออายุการวินิจฉัยคดีว่าฝ่ายใดจะชนะหรือแพ้คดีตามคำท้าย่อมจะต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยรายพิพาทประกอบด้วยซึ่งเห็นได้ว่าเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยมีไว้เพื่อไม่ให้ผู้ที่ขับรถยนต์ไม่เป็นหรือไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาขับรถยนต์ที่เอาประกันเพราะเกรงจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายการที่ ส.เพียงแต่ขาดต่ออายุใบอนุญาตฯจึงถือได้ว่า ส. มีใบอนุญาตขับรถยนต์โดยชอบด้วยกฎหมายตามคำท้าโจทก์ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2810/2531บันทึกข้อตกลงมีข้อความว่าผู้เอาประกันภัยรถยนต์ตกลงชดใช้ค่าทดแทนค่าเสียหายให้กับฝ่ายผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ตายและผู้บาดเจ็บโดยผู้เสียหายรับเงินแล้วไม่ประสงค์จะฟ้องร้องต่อไปอีกเป็นการตกลงชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องจากการบาดเจ็บและตายเท่านั้นไม่รวมถึงความเสียหายอันเกิดกับรถยนต์อีกส่วนหนึ่งต่างหากเมื่อผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของรถยนต์แล้วย่อมเข้ารับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยได้
เงื่อนไขความรับผิดตามสัญญาประกันภัยซึ่งกำหนดให้ผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยต้องเคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์และเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องนำหลักฐานนั้นมาแสดงต่อผู้รับประกันภัยมิฉะนั้นผู้รับประกันภัยอาจจะไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าทดแทนนั้นมิได้ระบุชัดแจ้งว่าให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดชอบตามสัญญาการผิดเงื่อนไขหรือไม่เพียงใดเป็นเรื่องที่ผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอากับผู้ประกันภัยคู่สัญญาจะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2634/2536เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยกำหนดว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใดๆหรือเคยได้รับแต่ขาดต่ออายุเกินกว่า180วันหรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในการขับรถยนต์ในเวลาเกิดอุบัติเหตุแต่การยกเว้นนี้จะไม่นำมาใช้ในกรณีที่ความเสียหายต่อรถที่เกิดขึ้นมิใช่ความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยดังนี้แม้จะปรากฏว่าในขณะเกิดเหตุรถยนต์ชนกันผู้ขับขี่รถที่เอาประกันภัยไม่มีหรือไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ก็ตามเมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ไว้ว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับขี่และฟ้องมิได้กล่าวไว้เช่นนั้นจำเลยย่อมไม่อาจนำข้อยกเว้นดังกล่าวดังกล่าวมาใช้ปัดความรับผิด
3.เงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้ขับขี่เสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่460/2528ตามกรมธรรม์ประกันภัยการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกมีความว่าการคุ้มครองผู้ขับขี่บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองหมายความนอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อผู้อื่นแล้วยังยอมรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมิได้เป็นผู้ทำละเมิดแต่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิดโดยผู้นั้นได้ขับขี่รถยนต์คันที่รับประกันภัยไว้โดยความยินยอมของผู้เอาประกันภัยเมื่อจำเลยที่1ขับขี่รถยนต์คันที่จำเลยที่2รับประกันภัยไว้โดยความยินยอมของผู้เอาประกันภัยจำเลยที่2จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่1ตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่3583/2529ห้างหุ้นส่วนจำกัด น.เอาประกันรถยนต์ไว้กับจำเลยที่2ข้อสัญญาตามกรมธรรม์มีว่าจำเลยที่2จะให้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายและจะถือบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองเมื่อจำเลยที่1เช่าซื้อรถยนต์ไปและนำไปใช้โดยให้ ช. ลูกจ้างของตนเป็นคนขับแล้วเกิดเหตุขึ้นจึงต้องถือว่า ช. ขับรถโดยได้รับความยินยอมจากห้างหุ้นส่วนจำกัด น.และมีฐานะเป็นเสมือนหนึ่งผู้เอาประกันภัยเองเมื่อ ช. ขับรถโดยประมาทและทำละเมิดจนเกิดความเสียหายขึ้นก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420เพียงแต่ ช. มิได้ถูกฟ้องมาด้วยเท่านั้นส่วนจำเลยที่1ต้องร่วมรับผิดในฐานะนายจ้างและจำเลยที่2ก็ต้องรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยเพราะถือว่า ช. ก็เป็นผู้เอาประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่400/2530สัญญาประกันภัยค้ำจุนระหว่างจำเลยที่3เจ้าของรถยนต์ผู้เอาประกันภัยกับจำเลยที่4บริษัทผู้รับประกันภัยมีข้อตกลงว่า"บริษัทจะถือบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง"เมื่อจำเลยที่2ซึ่งเป็นผู้ซื้อรถยนต์ดังกล่าวได้นำรถยนต์ไปใช้โดยให้จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างของตนขับแล้วเกิดเหตุละเมิดขึ้นจึงต้องถือว่าจำเลยที่1ขับรถโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่3และมีฐานะเสมือนเป็นผู้เอาประกันภัยเองตามสัญญาดังกล่าวจำเลยที่2ในฐานะนายจ้างจำเลยที่1จึงต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา425และจำเลยที่4ต้องรับผิดชอบตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนดังกล่าวด้วยส่วนจำเลยที่3ไม่ได้ความว่าเป็นผู้ครอบครองรถขณะเกิดเหตุจึงไม่ต้องรับผิดชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่275/2532จำเลยที่3ได้เช่าซื้อรถคันพิพาทจากบริษัท ช. แต่ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบกรรมสิทธิ์ในรถจึงยังเป็นของบริษัท ช. เมื่อบริษัท ช. ประกันภัยรถคันพิพาทไว้กับจำเลยที่4โดยตกลงกันว่าการคุ้มครองผู้ขับขี่จำเลยที่4จะถือบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากบริษัท ช.ผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองซึ่งหมายความว่านอกจากรับผิดในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำละเมิดต่อผู้อื่นแล้วจำเลยที่4ยังยอมรับผิดในกรณีที่ผู้อื่นเป็นผู้ทำละเมิดโดยผู้นั้นได้ขับขี่รถคันที่จำเลยที่4รับประกันภัยไว้โดยความยินยอมของผู้เอาประกันภัยจำเลยที่4จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

Re: ข้อสังเกตุ คำพิพากษาศาล เกียวกับประกัน
1082

Re: ข้อสังเกตุ คำพิพากษาศาล เกียวกับประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่3760/2533สัญญารับประกันภัยรถยนต์ระบุการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกว่าการคุ้มครองผู้ขับขี่บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองฯลฯหมายความว่าจำเลยที่5ในฐานะผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้ใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามผู้ขับขี่เสมือนหนึ่งผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ขับขี่เองเมื่อ ป. ขับขี่รถคันเกิดเหตุโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่1ผู้เอาประกันภัยจำเลยที่5จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2478/2535แม้สัญญาประกันภัยระบุว่าผู้รับประกันภัยจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยกับ อ. ผู้เอาประกันภัยมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรและจำเลยขับรถยนต์คันที่ อ.เอาประกันภัยไว้ในฐานะอะไรถือไม่ได้ว่าจำเลยขับรถโดยความยินยอมจาก อ. ดังนั้นโจทก์จะถือเอาประโยชน์จากข้อสัญญาประกันภัยดังกล่าวหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่563/2538กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่าบริษัทผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายและบริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองเมื่อจำเลยที่2นำรถยนต์บรรทุกซึ่งจำเลยที่3รับประกันภัยไว้ไปใช้โดยให้จำเลยที่1ลูกจ้างของตนเป็นคนขับแล้วเกิดเหตุละเมิดขึ้นต้องถือว่าจำเลยที่1ขับรถโดยความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยและมีฐานะเป็นเสมือนผู้เอาประกันภัยเองจำเลยที่3จึงต้องรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยและหาเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา887วรรคหนึ่งไม่
4.เงื่อนไขที่เกี่ยวกับทรัพย์ที่เอาประกันภัยสูญหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1002/2501เมื่อรถที่เอาประกันภัยหายผู้เอาประกันภัยบอกกล่าวให้ผู้รับประกันภัยทราบเมื่อเวลาล่วงไปหนึ่งเดือนก็ไม่ทำให้ผู้รับประกันภัยพ้นความรับผิดถ้าผู้รับประกันภัยเสียหายก็เรียกร้องให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดได้อีกส่วนหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2098/2518คนร้ายเปิดประตูเหล็กเข้าไปลักทรัพย์ในร้านค้าโดยโซ่และกุญแจที่ใส่ล่ามประตูเหล็กหายไปด้วยเป็นการใช้กำลังและวิธีการรุนแรงในการลักทรัพย์ตามกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2570/2518กรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าผู้รับประกันภัยไม่รับผิดในเหตุที่เกิดระหว่างรถถูกคนอื่นเอาไปขับขี่โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยไม่หมายความรวมถึงรถถูกลักไปแล้วเกิดอุบัติเหตุเสียหายแก่รถ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่518/2519เงื่อนไขในหนังสือกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุว่าผู้ประกันภัยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่รถของผู้เอาประกันภัย"ถูกขโมยทั้งคัน"นั้นนอกจากมีความหมายถึงการที่รถถูกคนร้ายลักไปแล้วยังหมายความรวมถึงการที่รถถูกคนร้ายปล้นเอาไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่3366/2522รถยนต์ของโจทก์ผู้เช่าซื้อเอาประกันภัยโดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ผู้เช่าซื้อให้ผู้อื่นเช่ารถไปไม่เป็นการโอนวัตถุที่เอาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา875รถถูกลักเป็นภัยตามกรมธรรม์โจทก์ฟ้องผู้รับประกันภัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่534/2523การที่ผู้เอาประกันภัยแจ้งเรื่องให้ผู้รับประกันภัยทราบในวันเดียวกับที่ตนทราบว่ารถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้หายไปเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งกำหนดให้แจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบโดยไม่ชักช้าเมื่อมีความเสียหายหรือความรับผิดเกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2793/2524เมื่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ถูกคนร้ายลักไปผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในโอกาสแรกที่รู้การที่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานถึงสิบกว่าวันจึงแจ้งความนั้นอาจเกิดผลเสียหายแก่บริษัทจำเลยผู้รับประกันภัยได้ถือไม่ได้ว่าผู้เอาประกันภัยปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เจ้าของรถยนต์ที่ให้ผู้เอาประกันภัยเช่าซื้อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2179/2526ผู้รับประโยชน์แจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบถึงเรื่องรถยนต์หายและขอให้ใช้ค่าทดแทนตามสัญญาถือได้ว่าแจ้งแทนผู้เอาประกันภัยแล้วทั้งเงื่อนไขในสัญญาก็หาได้กำหนดว่าถ้าผู้เอาประกันภัยไม่แจ้งให้ทราบในเวลาอันสมควรผู้รับประกันภัยจะพ้นความรับผิดกับกำหนดไว้ว่าอาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายใดๆอันเกิดจากการไม่แจ้งให้ทราบเท่านั้นผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่297/2526โจทก์รับประกันภัยรถยนต์จากจำเลยที่2ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อจากจำเลยที่1โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่1เพราะจำเลยแจ้งว่ารถถูกลักไปเมื่อปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรยึดรถนั้นเนื่องจากมีผู้นำไปขนสินค้าหลบหนีภาษีซึ่งตามกรมธรรม์ประกันภัยโจทก์จะใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อเมื่อเกิดวินาศภัยแก่รถยนต์สูญหายไปเนื่องจากถูกคนร้ายลักทรัพย์ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ฉะนั้นจำเลยที่1จึงต้องคืนเงินค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2708/2526ขณะคนร้ายลักเอารถยนต์ไปรถยนต์จอดอยู่ณที่เก็บมิได้ถูกลักไปในขณะที่ใช้งานรับจ้างอันเป็นการผิดเงื่อนไขตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่อย่างใดการที่โจทก์ใช้รถยนต์รับจ้างมิได้เป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้รถยนต์ถูกคนร้ายลักไปจำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่2779/2527ตามกรมธรรม์ประกันภัยมีเงื่อนไขให้จำเลยรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายหรือสูญหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เนื่องจากการลักทรัพย์ก็ต้องหมายความว่าจำเลยจะรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีรถยนต์สูญหายไปเนื่องจากการลักทรัพย์อย่างหนึ่งและในกรณีที่รถยนต์เกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากการลักทรัพย์อีกอย่างหนึ่งรถยนต์ของโจทก์เกิดความชำรุดเสียหายก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการลักทรัพย์โดยตรงจำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เพื่อความเสียหายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่3844/2528สัญญาประกันภัยมีผลบังคับตั้งแต่ผู้รับประกันภัยตกลงรับประกันภัยและได้ออกหนังสือรับประกันภัยล่วงหน้าให้แก่ผู้เอาประกันภัยไว้สัญญาประกันภัยทำขึ้นก่อนผู้เอาประกันภัยทราบว่าสินค้าสูญหายแม้ว่าผู้รับประกันภัยจะออกกรมธรรม์ประกันภัยให้หลังจากผู้เอาประกันภัยทราบว่าสินค้าสูญหายแล้วสัญญาประกันภัยก็ไม่ตกเป็นโมฆะ
ข้อกำหนดในสัญญาประกันภัยที่ว่าในกรณีวัตถุที่เอาประกันภัยสูญหายผู้เอาประกันภัยจะต้องบอกกล่าวให้ตัวแทนของผู้รับประกันภัยทราบเพื่อทำรายงานสำรวจเสียก่อนมิฉะนั้นจะไม่จ่ายเงินนั้นเป็นวิธีปฎิบัติเพื่อให้ผู้รับประกันภัยเชื่อถือได้ว่าสินค้าที่เอาประกันภัยสูญหายจริงเท่านั้นหากผู้รับประกันภัยเชื่อถือได้แน่นอนแล้วจะไม่ถือข้อกำหนดนี้เป็นสาระสำคัญก็ได้หาเป็นการผิดเงื่อนไขตามกรมธรรม์ประกันภัยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่5925/2538กรมธรรม์ประกันภัยระบุว่าการประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดจากการลักทรัพย์ยักยอกทรัพย์โดยบุคคลที่ได้รับมอบหรือครอบครองรถยนต์ตามสัญญาเช่าสัญญาเช่าซื้อสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจำนำหรือโดยบุคคลที่กระทำสัญญาดังกล่าวข้างต้นเมื่อความเสียหายหรือสูญหายของรถยนต์ที่โจทก์ที่2เช่าซื้อมาจากโจทก์ที่1เกิดจากการยักยอกทรัพย์ของ ท. ซึ่งเป็นผู้ยืมรถยนต์จากโจทก์ที่2ท. มิใช่เป็นผู้เช่าซื้อผู้เช่าผู้รับจำนำหรือผู้ซื้อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ทั้งมิใช่ผู้ครอบครองรถยนต์ตามสัญญาเช่าเช่าซื้อซื้อขายหรือสัญญาจำนำเลยการที่รถยนต์ซึ่งจำเลยรับประกันภัยไว้ถูก ท. ยักยอกไปจึงไม่อยู่ในเงื่อนไขข้อจำกัดความรับผิดตามกรมธรรม์ดังกล่าวหากจะตีความเจตนาของคู่สัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัยยิ่งเห็นได้ชัดว่าโจทก์ที่2เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลยตามความประสงค์ของโจทก์ที่1ก็เพื่อคุ้มครองรถยนต์ที่โจทก์ที่2เช่าซื้อมาจากโจทก์ที่1ซึ่งหากเกิดความเสียหายใดแก่รถยนต์ที่โจทก์ที่2เช่าซื้อมาโจทก์ทั้งสองย่อมประสงค์จะได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
5.เงื่อนไขเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่890/2500สัญญาประกันภัยซึ่งมีความว่าผู้รับประกันภัยรับผิดในอุบัติเหตุนั้นไม่หมายความเฉพาะเหตุสุดวิสัยแต่หมายความถึงเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่จงใจรวมทั้งที่เกิดขึ้นโดยความประมาทของผู้เอาประกันภัยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1002/2505ผู้เอาประกันชีวิตถูกงูพิษกัดถึงตายโดยบังเอิญนั้นนับว่าเป็นอุบัติเหตุตามความหมายของคำว่าอุบัติเหตุแห่งข้อสัญญาที่ว่า"ต้องเป็นเหตุ เนื่องมาจากร่างกายผู้เอาประกันถูกบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกโดยบังเอิญและปราศจากเจตนาของผู้มีส่วนกระทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น"แล้วผู้รับประกันชีวิตจึงต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่529/2513คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยมีข้อความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย(ผู้รับประกันภัย)ว่า"กรมธรรม์นี้คุ้มครองถึงความสูญเสียไม่ว่าจะเนื่องด้วยสาเหตุอื่นใดอันเกิดแต่การได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นโดยตรงหรือลำพังก็ตามทีตามเงื่อนไขบทบัญญัติข้อยกเว้นและข้อคุ้มครองที่ระบุไว้ในที่นี้"ส่วนประโยชน์ที่ได้รับระบุไว้ว่า"การประกันภัยที่จะอำนวยผลประโยชน์ให้นี้ใช้ได้เฉพาะในเรื่องการได้รับบาดเจ็บอันตรายอันอาจทำให้สูญเสียชีวิตแขนขาขาดและชดใช้ค่ารักษาพยาบาลอันจะเกิดขึ้นโดยตรงหรือไม่ว่าโดยลำพังจากสาเหตุใดๆก็ตามตามที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ฯลฯ"ดังนี้เห็นว่าการที่ พ.(ผู้เอาประกันภัย)หกล้มขณะลงจากรถย่อมถือว่าเป็นอุบัติเหตุเมื่อเป็นเหตุให้มดลูกแตกปริจึงถือว่าเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้พ. ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่764/2519 ส. เอาประกันอุบัติเหตุกรมธรรม์ยกเว้นกรณีฆาตกรรมมีคนร้ายขว้างลูกระเบิดมายังโต๊ะอาหารที่ ส. นั่งอยู่กับคนอีกสามคนทำให้ ส. กับอีกคนหนึ่งตายโดยตั้งใจฆ่าคนอื่นเป็นอุบัติเหตุซึ่งบริษัทผู้รับประกันภัยต้องรับผิดไม่ใช่ฆาตกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่170/2524ผู้เอาประกันชีวิตเป็นลมล้มเป็นเรื่องเกิดขึ้นโดยบังเอิญการล้มทำให้ศีรษะฟาดพื้นถึงตายถือเป็นอุบัติเหตุตามกรมธรรม์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่1249/2526กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า"การชนบริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจากการชนหรือคว่ำหรือไฟไหม้อันเกิดจากการชนหรือคว่ำ"ย่อมคุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถคว่ำด้วยโดยไม่จำกัดว่าการคว่ำนั้นเกิดเพราะเหตุใดเมื่อปรากฏว่ารถยนต์คันพิพาทเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่3622/2528โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่จำเลยและได้เอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลผู้ขับขี่ไม่ระบุนามไว้ด้วยโดยมีเงื่อนไขว่าจะใช้บังคับเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาตจากผู้เอาประกันภัยที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยได้รับอุบัติเหตุในขณะที่กำลังขับขี่หรือกำลังขึ้นหรือลงจากรถยนต์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้นปรากฏว่าระหว่างอายุสัญญา พ. ผู้ขับขี่รถยนต์ของโจทก์ได้ขับรถยนต์จะไปส่งของที่กรุงเทพมหานครระหว่างทางได้ถูกคนร้ายชิงเอารถยนต์ไปและคนร้ายได้ฆ่า พ. ถึงแก่ความตายเนื่องจากคนร้ายมีเจตนาลักรถยนต์ของโจทก์พบศพอยู่ห่างถนนที่เกิดเหตุประมาณ7เส้นดังนี้เห็นได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นแก่ พ. เป็นผลโดยตรงหรือเนื่องมาจากการชิงทรัพย์นั้นเองและได้เกิดขึ้นขณะ พ. กำลังขับขี่รถยนต์ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุตามกรมธรรม์ประกันภัย
ตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุมิได้ให้คำจำกัดความคำว่า"อุบัติเหตุ"ไว้จึงต้องถือตามความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ.2528



INSURANCETHAI.NET
Line+