เมืองไทยประกันภัยขอ3ปีขึ้นเบอร์3 [2557/8]
1201

เมืองไทยประกันภัยขอ3ปีขึ้นเบอร์3 [2557/8]

เมืองไทยประกันภัยวางแผน 3 ปีขึ้นเป็นอันดับ 3 ตั้งเป้าโต 15% ต่อเนื่องเตรียมลุยเออีซีปลายปีนี้
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ธุรกิจประกันวินาศภัยในครึ่งปีแรกเติบโตเพียง 1% แต่ยังคาดว่าทั้งปีจะเติบโตได้ 4-5%

โดยเบี้ยประกันภัยรับรวมในครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 4,763 ล้านบาทเติบโต 15.3% จากงวดเดียวกันของปี 2556 ทำให้ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายเบี้ยรับรวมปีนี้ไว้ที่ 10,350 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 15% จากสิ้นปีก่อน โดยจะรอดูผลงานในเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ก่อนจะพิจารณาทบทวนแผนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการเติบโตในช่วงครึ่งแรกของปี ทำให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นอันดับ 4 ของระบบประกันภัย โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าใน 2-3 ปีข้างหน้าจะมีการเติบโตของเบี้ยประกันอย่างต่อเนื่องและขึ้นเป็นอันดับ 3 ของระบบให้ได้

นางปุณฑริกา ใบเงิน ผู้บริหารสายงานบัญชีและการเงิน บมจ.เมืองไทยประกันภัย กล่าวว่า ในขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำแบบทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) เพื่อประเมินความพร้อมของธุรกิจประกันจากปัจจัยเสี่ยงที่จะเข้ามา ตามแนวทางของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หลังจากนั้นในเดือนก.ย.บริษัทจะทบทวนแผนธุรกิจรวมถึงวางแผน 3-5 ปีข้างหน้า โดยในเบื้องต้นจะยังเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดหรือปีละ 15% ต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันคปภ.ยังสนับสนุนให้ลดจำนวนธุรกิจประกันภัยในระบบลง บริษัทคงอยู่ระหว่างการมองหาโอกาสในการลงทุนเพิ่ม โดยจะเป็นการซื้อพอร์ตมากกว่าการเข้าไปซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการที่จะมีความยุ่งยากด้านกฎระเบียบและภาษี ในส่วนของการออกไปลงทุนในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) บริษัทจะขยายไปกับกลุ่มเมืองไทยและธนาคารกสิกรไทย โดยเน้นกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง (CLMV) ซึ่งในขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปทำธุรกิจในลาวปลายปีนี้ และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นการร่วมทุนหรือเข้าไปเปิดสำนักงานตัวแทน
“ลาวจะเปิดโอกาสมากกว่าและใกล้กับประเทศไทย มีคนไทยเข้าไปอยู่มาก รวมถึงกัมพูชาด้วยที่เราคาดว่าจะเข้าไปทำตลาดในปีหน้า โดยจะเริ่มจากประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันภัยรถยนต์ เนื่องจากการเข้าไปทำตลาดรายย่อยจะง่ายกว่า”
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังมีอุปสรรคทางด้านกฎเกณฑ์การลงทุนที่จะต้องหารือกับคปภ.อยู่ โดยคปภ.ระบุว่าการออกไปลงทุนต่างประเทศต้องมีสัดส่วนการถือหุ้นในระดับสูงพอที่จะจัดการได้ ซึ่งกฎเกณฑ์ของประเทศต่างๆ ในขณะนี้จะไม่ให้ต่างชาติถือหุ้นเกิน 25% ทำให้ในขณะนี้บริษัทเข้าไปลงทุนได้ไม่เต็มที่และเป็นลักษณะของการให้ความรู้มากกว่า

ผ่านมา3ปี เมืองไทยประกันภัย ทุ่มเททำ และทำได้ดีด้วย ตัวแทน/นายหน้า ต่างหลังไหลเข้ามา ด้วยระบบงานเคลมที่รวดเร็ว ทีมงานบริการตัวแทนที่ทำงานได้ยอดเยี่ยม เบี้ยประกันที่สู้ในทุกตลาด กลับกันจะพบว่ามีบางบริษัทประกันภัยใหญ่บางแห่งผลประกอบการลดลง เบี้ยสูง ทางทีมงานเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยกตัวอย่างเบี้ย BMW Series5 อยู่ที่ 7x,xxx แต่ของเมืองไทย 3x,xxx บางคนที่นิยมแบรนด์ แต่หารู้ไม่ว่า ซื้อไปแพงเปล่าๆ บริการก็ไม่ได้ดีกว่า



INSURANCETHAI.NET
Line+