กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of Attraction)
1366

กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of Attraction)

ศาสตร์ทางจิตวิทยา ที่อยู่คู่กับมวลมนุษย์มากว่า 1,000 ปีแล้ว
กฎแห่งแรงดึงดูด = กฎแห่งธรรมชาติ = กฎแห่งจักรวาล

ถ้าโลก หรือจักรวาล มีกฎว่าด้วยแรงโน้มถ่วง (LAW OF GRAVITY)
กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ก็เป็นกฎที่เป็นจริงอย่างนั้นเหมือนกัน และถ้าโลกนี้ หรือจักรวาลนี้มีกฎว่าด้วยกฎแห่งกรรม หรือกฎแห่งการกระทำ หรือที่พระท่านบอกว่า “อิทัปปัจยตา” แล้ว กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ ก็เป็นจริงอย่างนั้นด้วยเช่นเดียวกัน

เราอาจอธิบาย “กฎแห่งแรงดึงดูด” อย่างง่ายๆ ได้ว่า คนเราคิดอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น อะไรที่เราคิดถึงอยู่ตลอดเวลามันจะเป็นจริงได้ในที่สุด
ความคิดของคนเรามักดึงดูดสิ่งที่เราคิดอยู่ตลอดเวลา แม้สิ่งนั้นเราจะไม่ต้องการก็ตาม แต่ถ้าเราคิดถึงมันอยู่ตลอด มันก็จะมาปรากฏแก่เราในที่สุด
ดังคำโบราณของไทยที่ว่า “เกลียด และกลัวสิ่งไหน ก็มักจะเจอสิ่งนั้น!”
ก็เพราะเรามักจะคิดแต่สิ่งที่เราเกลียดและที่เรากลัวอยู่ตลอดเวลา เราจึงมักต้องเจอกับสิ่งนั้นในที่สุด กูรูและผู้รู้หลายท่านจึงมักพร่ำสอนเรามาตลอดว่า ให้คิดถึงแต่สิ่งที่ต้องการ อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่ต้องการ ให้คิดแต่ในสิ่งที่อยากได้ อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่อยากได้ ให้คิดแต่ในสิ่งที่ชอบ อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่ชอบ ให้คิดแต่ในสิ่งที่ทำให้มีความสุข อย่าไปคิดในสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ ฯลฯ

BRIAN TRACY นักพูดชาวอเมริกัน สรุปความหมายของกฎแห่งแรงดึงดูดรี้ ว่า

“บทสรุปที่ยิ่งใหญ่ของทุกศาสนา ทุกปรัชญา อภิปรัชญา จิตวิทยา และความสำเร็จ ก็คือ :
คุณจะเป็นอย่างที่คุณคิดเกือบตลอดเวลา โลกภายนอกของคุณคือภาพสะท้อนโลกภายในของคุณ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่คุณคิด ทุกอย่างที่คุณคิดจะโผล่ออกมาในความเป็นจริงของคุณอย่างต่อเนื่อง”

(หนังสือของเขาที่ชื่อว่า GOALS! : HOW TO GET EVERYTHING YOU WANT FASTER THAN YOU EVER THOUGH POSSIBLE ,2003. ในชื่อภาษาไทยว่า “เป้าหมาย ! : วิธีได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ เร็วกว่าที่คุณคิดว่าจะเป็นไปได้” แปลโดย วรรธนา วงษ์ฉัตร,2546,หน้า 8)

Re: กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of Attraction)
1366

Re: กฎแห่งแรงดึงดูด (Law of Attraction)

กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) กับความรักและการใช้ชีวิต

1. สิ่งใดก็ตามที่คุณคิดถึงอยู่เสมอและมีความเชื่อมั่น จะถูกดึงดูดเข้าหาคุณเสมอ
ฉะนั้นควรนึกถึงและเชื่อมั่นในแง่บวก อย่าวิตกกังวลหรือนึกถึงแต่สิ่งเลวร้าย หรือความล้มเหลว ถ้ากำลังนึกถึงเรื่องไม่ดีให้ตั้งสติ ปล่อยวาง อย่าวิตกกังวล กำหนดจิตเราให้ได้ เพราะคนที่วิตกกังวลจะตัดสินใจอะไรไม่ถูก  และมันจะเคว้งคว้างหลงทางไปหมด ให้คิดว่าเราปรารถนามันมาก เราคาดหวัง และมองเห็นภาพตัวเองไขว่คว้าความสำเร็จนั้น ให้นึกภาพว่า เราได้มันมาแล้วและเรากำลังมีความสุขกับมันอยู่ จินตนาการหรือความคิดใดๆ ที่จะทำให้เรามีความสุขมโนให้หลุดโลกไปเลยก็ได้ค่ะ ยังไงมันก็อยู่ในหัวในความคิดของเราเนี่ยแหละ ไม่มีใครว่าบ้าหรอก กำหนดจิต กำหนดความคิดตัวเองให้ได้ เหมือนที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกว่าวไว้ว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ (Imagination is more important than knowledge) จงเชื่อมั่นว่าอย่างน้อยเราก็มีความฝันเล็กๆ ในหัว และวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้น มันจะสำเร็จ ให้คิดแบบนี้เรื่อยๆ อย่าไปท้อ อย่าคิดในเชิงลบที่ตรงกันข้าม ให้คิดแบบนี้ทุกวันเหมือนเป็นการกระตุ้นจิตใต้สำนึก หรือสะกดจิตตัวเองให้เรามีแรงบันดาลใจที่จะทำในสิ่งที่เราฝันและให้ได้มาซึ่งความสุข

2. เกลียดอะไรได้สิ่งนั้น
ให้เลิกเกลียดและเปลี่ยนซะ จิตใต้สำนึกเป็นพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของมนุษย์ การที่เราเกลียดคนประเภทไหนก็มักจะดึงดูดเหนี่ยวรั้งคนแบบนั้นเข้ามาในชีวิต เพราะจิตใจเรามัวแต่วนเวียนจดจ่ออยู่บนความเกลียดชังนั้น (เกลียดคนแบบไหนก็ได้คนแบบนั้น จขกท.เคยเกลียดคนหล่อมาก จริงๆค่ะ แล้วยิ่งเกลียดยิ่งเจอ) เพราะฉะนั้นให้เราปล่อยวาง เลิกเกลียด (ความเกลียดเป็นราคะที่แรงกล้าและน่ากลัวมาก ทิ้งมันไปซะ) และเปลี่ยนมานึกถึงเสมอว่า เราชอบคนแบบไหน หลงไหลคนแบบไหนแทน (ความรักมีพลังงานแรงกล้ามหาศาลไม่แพ้ความเกลียดค่ะ อยู่ที่เราว่าจะเลือกแบกอะไรไว้)

3. ตั้งใจฟังเสียงจากข้างใน เมื่อจิตและความคิดของคุณมีแต่เรื่องที่ดี พลังงานบวกมากกว่าพลังงานลบ สมองคุณจะปลอดโปร่งและหลั่งสารแห่งความสุขออกมา
ให้คุณเริ่มตั้งใจฟังเสียงจากภายในแล้วลงมือทำตามสัญชาติญาณ (ต้องบวกนะ) follow your intuition, follow your dreams เสียงนั้นอาจนำคุณไปยังที่ๆ หนึ่งเพื่อที่คุณจะได้พบกับสิ่งๆ หนึ่งที่คุณอาจกำลังค้นหา หรือคนๆ หนึ่งตามที่ใจคุณปรารถนาก็ได้

เคล็ดลับในการคิดบวก
ให้รู้ซึ้งและขอบคุณทุกอย่างรอบตัวคุณแม้แต่เรื่องเล็กๆ (Gratitude)
เราคิดอะไร รู้ค่าสิ่งไหน ก็จะได้สิ่งนั้น การรู้สึกสำนึกรู้คุณสามารถนำพาความคิดจิตใจทั้งหมดของคุณไปใกล้ชิดกลมกลืนกับพลังสร้างสรรค์ของจักรวาลยิ่งขึ้น…ทันทีที่คุณรู้สึกกับสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วต่างไปจากเดิมคุณก็จะเริ่มดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้าหาตัวเองมากขึ้น สิ่งดี ๆ อีกมากมายที่คุณต้องรู้สึกขอบคุณ จงขอบคุณสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วและพอใจแล้ว เช่น ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง เสื้อผ้าที่สวมใส่ เพื่อนที่ทำงาน อาหารที่ทาน มือถือ …ฯลฯ แต่หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คุณไม่ต้องการก็ไม่ต้องนึกถึงมัน เช่นฉันไม่มีบ้าน ฉันไม่มีรถ ฯลฯ เอาแค่สิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว บางสิ่งอาจเป็นแค่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันเช่น อาหารที่ทานประจำทุก ๆ เช้า แต่ลองคิดดูถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราไม่มีอาหารทานมันจะเลวร้ายซักแค่ไหน  …ฉะนั้นจงเริ่มมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวคุณด้วยมุมมองที่พิเศษ แล้วเริ่ม ขอบคุณ… ขอบคุณ… ขอบคุณเช้าวันใหม่ ขอบคุณเตียงนอน ขอบคุณห้องน้ำ ขอบคุณฝักบัว ขอบคุณกระจก ขอบคุณเสื้อผ้า ขอบคุณอาหารเช้า ฯลฯ


กฎแห่งการดึงดูด เพื่อดึงดูดคนรัก
จาก “Secrets of Attraction: The Universal Laws of Love, Sex and Romance” โดย Sandra Anne Taylor ตัวผู้เขียนนั้นเป็นที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาส่วนตัวมากว่า 25 ปีแล้ว เป็นนักบรรยายเกี่ยวกับกฎของการบันดาลให้เกิดขึ้น, กลไกทางพลังงานของการสำนึกรู้ และการเยียวยาทางจิตวิทยา-วิญญาณ ในหนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องของพลังงานจักรวาล (Universal energy) และได้พยายามศึกษาว่าปรากฏการณ์เชิงพลังงานของโลกตามควอนตัมฟิสิกส์ (Quantum physics) มีอิทธิพลต่อสัมพันธภาพของมนุษย์ (human relationship) อย่างไร ซึ่งสาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้อาจกล่าวได้ว่า

กฎแห่งจักรวาล ในการดึงดูดความรักแบบที่เราต้องการเข้ามาในชีวิต มีพื้นฐานมาจากการมองเห็นค่าในตัวเองอย่างแท้จริง เป็นการนับถือตัวเราและชีวิตของเราเอง เมื่อหัวใจของเราเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างแท้จริง ก็จะเกิดความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว ความเห็นอกเห็นใจ ความอ่อนโยนต่อผู้อื่น จากนั้นจักรวาลก็พร้อมที่จะส่งความรักในแบบเดียวกันกลับมาให้เรา ยิ่งเราสามารถปลดปล่อยตัวเราให้เป็นอิสระได้มากเท่าไร เราก็จะยิ่งรับรู้ถึงความรักมากมายที่อยู่รอบตัวเรามากขึ้นเท่านั้น

ถ้าคุณต้องการดึงดูดความสัมพันธ์ในรูปบบใดก็ตาม
ความคิด คำพูด การกระทำ และสภาพแวดล้อมของคุณจะต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ขัดแย้งกับความปรารถนาของคุณ
หน้าที่ของคุณก็คือรับผิดชอบตัวคุณเอง ถ้าคุณไม่เติมตัวเองให้เต็มก่อน คุณก็ไม่มีอะไรที่จะให้คนอื่น
เวลาที่คุณรู้สึกแย่กับตัวเอง คุณกำลังปิดกั้นความรักและกำลังดึงดูดผู้คนหรือสถานการณ์ที่จะทำให้คุณรู้สึกแย่กับตัวเองเข้ามาเรื่อย ๆ ปรับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นด้วยการมุ่งมองแต่ข้อดีของอีกฝ่าย ไม่ใช่ข้อเสีย เมื่อคุณมุ่งคิดถึงแต่ข้อดีเหล่านั้น คุณก็จะได้พบข้อดีเพิ่มขึ้น

ความลับปรับชีวิต
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นพลังงาน คุณคือแม่เหล็กพลังงานแท่งหนึ่ง ฉะนั้นคุณจึงส่งพลังงานไฟฟ้าไปดึงดูดสิ่งต่างๆ เข้ามาหาตัวคุณ และใช้พลังงานไฟฟ้านำพาตัวเองไปหาทุกสิ่งที่คุณต้องการ
… คุณยิ่งใช้พลังอำนาจในตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดึงดูดพลังอำนาจให้เข้ามามากขึ้นเท่านั้น
… ทำสิ่งที่คุณรัก ถ้าคุณไม่รู้ว่าสิ่งใดจะนำความสุขมาให้คุณ จงถามว่า “ความสุขของฉันคือะไร” ขณะที่คุณผูกใจไว้กับความสุขใจนั้น คุณก็จะดึงดูดสิ่งที่จะนำพาความยินดีมีสุขเข้ามาอย่างท่วมท้น เนื่องจากคุณได้ส่งคลื่นความสุขออกไป
… จงโอบกอดความดีงามของคุณเสียตั้งแต่บัดนี้

คุณก้าวมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งหนึ่งในชีวิต เพียงเพราะว่ามีบางอย่างในตัวคุณที่คอยตอกย้ำว่า “คุณสมควรที่จะมีความสุข”
คุณเกิดมาเพื่อจะเพิ่มเติมอะไรบางอย่าง เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับโลกใบนี้ เป็นอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่าและดีกว่าที่คุณเป็นอยู่
ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างที่คุณได้ผ่านมา ทุกเวลาทุกนาทีที่คุณได้ผ่านมา ได้เตรียมคุณให้พร้อมแล้วสำหรับช่วงเวลานี้
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าคุณคือผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง ลองจินตนาการถึงสิ่งที่คุณสามารถทำในจากวันนี้เป็นต้นไป
ด้วยสิ่งที่คุณรู้แล้วในขณะนี้ คุณจะทำอะไรกับช่วงเวลา จังหวะโอกาสต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตคุณ? คุณจะคว้าโอกาสนั้นไว้ไอ้อย่างไร?
ไม่มีใครเต้นรำแทนคุณได้ ไม่มีใครร้องเพลงแทนคุณได้ ไม่มีใครเขียนเรื่องราวแทนคุณได้ คุณเป็นใคร คุณทำอะไร จงเร่มเสียแต่บัดนี้ !

“Whatever you’re thinking and feeling today is creating your future”
อะไรก็ตามที่คุณคิดและรู้สึกในวันนี้ คือ สิ่งที่สร้างอนาคตของคุณ

“Your thought and your feelings create your life”
ความคิดและความรู้สึกของคุณ สร้างชีวิตคุณ

“You create your own universe as you go along”
คุณสามารถสร้างจักรวาลของคุณเองได้ ในทุกขณะที่คุณดำเนินชีวิต

“Take the first step in faith you don’t have to see the whole staircase just take the first step”
เริ่มก้าวแรกด้วยความศรัทธา คุณไม่จำเป็นต้องเห็นขั้นบันไดทั้งหมด คุณแค่เริ่มต้นที่ก้าวแรก

“When you want to change your circumstance you must first to change your thinking”
หากคุณต้องการสิ่งที่เป็นอยู่รอบตัวคุณ คุณต้องเปลี่ยนความคิดคุณเป็นอันดับแรก

“Imagination is everything. It is the preview of life coming attractions”
จิตนการคือทุกสิง มันเปรียบเสมือนภาพของชีวิต ที่กลายเป็นแรงดึงดูด

“Whatever the mind of man can conceive, it can achieve”
อะไรก็ตาม ที่จิตใจของคนสามารถคิดได้ มันก็สามารถนำมาครอบครองได้

“We are a creator of our universe”
พวกเราคือผู้สร้างสรรรค์จักรวาลของพวกเราเอง

“Energy flows when attention goes”
พลังงานจะไหลลื่น เมื่อความมุ่งมั่นเกิดขึ้น

“The relationship will really work, we need to focus on what we appreciate about the other person, not only complaining about”
ความสัมพันธ์จะดำเนินไปด้วยดี หากคุณรู้จักชื่นชมสิ่งที่คุณประทับใจบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่การ บ่น ดุด่า หรือตำหนิ

“We can not control other people, no matter how are we try”
“เราไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้ ไม่ว่าเราจะพยายามมากซักแค่ไหนก็ตาม”

“All power is from within and is therefore under our own control”
พลังอำนาจทั้งหมดมาจากภายใน ฉะนั้นมันควรอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา

“You are the designer of your destiny. You are the writer who write your story.
The pen is in your hand and the outcome is whatever that you choose”
คุณคือผู้ออกแบบชะตาชีวิตของตัวคุณเอง คุณคือผู้แต่งเรื่องราวของคุณเอง
ปากกาอยู่ในมือของคุณแล้ว และผลท้ายสุดที่ได้ ก็ขึ้นกับที่คุณจะเลือกเอง


หลักการที่สำคัญของกฎแห่งแรงดึงดูด คือ “พลังงานที่เหมือนกันย่อมดึงดูดซึ่งกันและกัน”
คุณต้องเข้าใจว่าไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่คุณคิด คุณจะดึงดูดมันเข้ามาในชีวิตคุณเสมอ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งไหนในจักรวาลนี้ กฎนี้ทำงานเสมอ มันแป็นกฏฟิสิกส์ อนุภาคของความคิดสร้างปรากฏการณ์ที่เป็นจริงในชีวิตโดยไม่มีข้อยกเว้น เมื่อคุณรับรู้ถึงกฎนี้และการทำงานของมันในชีวิตคุณ คุณจะควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย



INSURANCETHAI.NET
Line+