สหวัฒนาประกันภัย เหยื่อRBC!
144

สหวัฒนาประกันภัย เหยื่อRBC!

สหวัฒนาประกันภัย เหยื่อRBC!

บริบทของรัฐบาลอภิสิทธิ์ยังมุ่งมั่นเดินหน้าพิฆาตนักโทษชายทักษิณอย่างตา ตั้งอยู่เหมือนเดิม และถ้าเราเลิกไปสนใจท่วงท่าของเด็กดื้อ มองความเป็นไปองค์รวม ของประเทศพักหลังๆ เราเริ่มมี ข่าวดีๆ มากขึ้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทย เกือบกลับเข้ามาอยู่ในภาวะปกติ

โดยเฉพาะแวดวงประกันภัยของเราตัวเลขผลประกอบการที่ออกมาและการคาดคะเนใน 3 เดือนสุดท้ายย่อมที่จะทำให้ผู้ประกอบการนั่งตีขิมกันอย่างสบายใจ โดยเฉพาะวงการประกันวินาศภัยที่เชื่อกันมาตั้งแต่ต้นปีว่าปีนี้เป็นปีวัวหันแน่นอน แต่ในที่สุดกลับเป็นกระทิงวิ่งฉิวเลย

ดังนั้น เรื่องหนักอกหนักใจของผู้ประกอบการจึงอยู่ ที่บรรดากฎเหล็กต่างๆ ของคปภ.ที่เริ่มทยอยออกมาบังคับใช้

โดยเฉพาะกฎเหล็ก “การ กำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง”

(RiskBased Capital) หรือ RBC ซึ่ง คปภ. จะทดลองใช้ทั้งระบบในปีหน้า และประเด็นการนำเอา “ระบบการเตือนภัยล่วงหน้า” (Early Warning System) หรือ EWS เพียงแค่ 2 กติกานี้ผู้ประกอบการร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือด

คปภ.ให้ยาแรงเกินไป

ล่าสุดสังเวยไปแล้วหนึ่งราย “สหวัฒนาประกันภัย” ซึ่งขายกิจการให้กับ กลุ่มธุรกิจอสังหาฯชื่อดังเจ้าของหมู่บ้านอยู่เจริญหรือ “วีระเดช รุ่งโรจน์ธนกุล” ซึ่งต่อไปนี้คงในวงการคงต้องจับตาเขาผู้นี้ไว้ให้มาก แม้ว่าจะละอ่อนในวงการประกันภัย แต่มีพรรคพวกเพื่อนฝูงไม่น้อยที่เป็นมือเก๋าอยู่ในวงการนี้ อย่างน้อยๆ ก็เป็นเจ้าของบ้านเช่าที่คนดังในวงการ “ญัฐดนัย อินทรสุขศรี” จอมยุทธแห่งสยามซิตี้ และ “สมพร สืบถวิลกุล” หัวหน้าพลพรรคสีม่วงบ.กลางฯร่วมกันเช่าอาศัย ยิ่งขยายผลออกไปนอกวงการอื่นๆ ต้องถือว่าเป็นแกนนำระดับกลุ่มยังเติร์กของธุรกิจไทย แค่เอ่ยปากให้พรรคพวกเพื่อนฝูงช่วยมาใช้บริการประกันภัย เป้าหมายเบี้ย 500 บาทที่วางไว้ในปีหน้ามันน้อยไป แถมยังได้กลุ่มเพื่อนเลิฟนำโดย “ธีระศักดิ์ แสนวรางกุล” อดีตแม่ทัพฟีนิกซ์ประกันภัยเข้ามาช่วยเสริมทัพด้วยแล้ว

อย่ามองข้ามน้องใหม่รายนี้เด็ดขาด

อย่างไรก็ดี การผ่องถ่ายเพื่อล้างมือจากวงการของกลุ่มสหวัฒนาประกันภัยใน ครั้งนี้ จริงอยู่ “ศราวุธ ภาสุวณิชยพงศ์” แม่ทัพใหญ่ไม่ได้แถลงออกมาตรงๆ ว่าตนไม่สามารถทำธุรกิจไปตามกรอบของกฎกติกาใหม่ได้ เพียงอ้างว่าเหนื่อยล้าและไม่มีใครมา รับช่วงการทำธุรกิจ

แต่ในจิตใจลึกๆ ผมเชื่อว่าท่านศราวุธคงบวก ลบ คูณ หาร แล้วขืนบริหารกิจการไป จะมีแต่ปัญหา ต้องตัวเกร็งกับระบบใหม่ๆ ที่ตีกรอบเอาไว้ และต้องเพ่งนั่ง “ระวังระดับฐานะการเงิน” อยู่ตลอดเวลา

การบริหารงานแบบสบายๆ นั่งดีดขิมบริการรับประกันภัยแค่เพื่อนพ้องน้องพี่ญาติสนิทมิตรสหายเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว

อีกทั้งต้องไม่ลืมว่าคุณศราวุธออกโรงออกมาคัดค้านถึงกฎเหล็กอยู่เสมอๆว่ามันไม่เป็นธรรมต่อบริษัทเล็กๆ ระดับน้ำดีที่ไม่เคยแหกกฎ หรืออย่างน้อ ๆ คนในวงการออกมาคัดค้านกฎเหล็กเมื่อไหร่ มักจะหยิบยกเอาสหวัฒนาประกันภัยมาเป้นต้นแบบอยู่เสมอๆ เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความเป็นเลิศของประกันภัยมิได้อยู่ที่ระบบที่ต้องกำหนดไปตามมาตรฐานสากล แต่มันขึ้นอยู่กับจริยธรรมของการทำธุรกิจ สหวัฒนาประกันภัยบริษัทเล็กๆ แต่มีธรรมาภิบาลและมีผลประกอบการกำไรมาตลอดและมีประวัติดีไม่มีโกงอย่างนี้ยังให้บริการคนไทยได้อย่างดี

แล้วทำไม! ต้องเอาสูตรกำกับธุรกิจของต่างชาติมาใช้กับผู้ประกอบการคนไทย

และแน่นอนผมเชื่อว่าไม่ใช่สหวัฒนาประกันภัยเพียงรายเดียวเท่านั้นที่โบกมือลา ก่อนนั้นค่ายใหญ่ลิเบอร์ตี้ของ “พ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต” เคยออกอาการโบกมือลามาแล้ว แต่เมื่อเหลือบดูลูกน้องที่ก่อร่างสร้างตัวกันมาจะไปทำมาหากินที่ไหน จึงจำต้องกัดฟันสู้ต่อด้วยการลดไซส์บริษัทให้เล็กลง

ดังนั้นการประเมินของกูรูรุ่นเดอะอย่าง “ชัย โสภณพนิช” เจ้าสำนักกรุงเทพประกันภัยที่เคยฟันธงว่าบริษัทประกันวินาศภัยไทยแท้ขนาดกลางและเล็กจะล้มหายตายจากไปมากกว่าครึ่ง

วันนี้คำทำนายเริ่มส่งสัญญาณความเป็นจริงออกมาให้เห็น

อย่างว่าล่ะครับ! อะไรจะเกิดมันต้องเกิด และฝั่งสำนักงาน คปภ. จำต้องต้องเดินหน้าสร้างระบบไปตามกติกาที่ผูกพันกันไว้กับสมาคมผู้ควบคุมธุรกิจประกันภัยนานาชาติ (IAIS) ซึ่งเป็นเสมือนองค์กรกลางในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของโลก

ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้แต่หวังว่าเวทีการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางในการพัฒนาธุรกิจประกันภัย ปี 2553 ที่คปภ.เป็นเจ้าภาพในวันที่ 19-20 พฤศจิกายนนี้ โดยมีสาระสำคัญอยู่ที่ประเด็นกฎเหล็ก RBC และระบบเตือนภัยล่วงหน้า

คงไม่อยู่ในภาวะสร้างดาวคนละดวงไปคนล่ะทาง หรือจะกำหนดอะไรอย่างให้มันสุดโต่งเกินไปโดยเฉพาะ 2 กฎดังกล่าว คงไม่ต้องใช้สูตรสิงคโปร์จ๋ากันอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยๆ เอาให้เหมือนกับที่มาของขนมหวานที่แสนอร่อยอย่าง “ลอดช่องสิงคโปร์” ก็ยังดี

และที่สำคัญก่อนหน้านั้นเราใช้กันเต็มร้อยมาแล้วกับระบบ“ทรัพย์สินหนุนหลัง” หรือCustodian ที่คปภ.บังคับให้นำเอาทรัพย์สินบริษัทประกันภัยไปฝากไว้กับธนาคาร

แต่วันนี้ทำไปทำมามันกำลังเข้าข่าย “ทรัพย์สินหงายหลัง” เพราะบรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่บนโลกใบนี้กำลังทยอยปิดกิจการกันถ้วนหน้า ขณะที่สถาบันการเงินอย่างกลุ่มประกันภัยแข็งแรงขึ้นทุกวัน

แล้วไฉนเรายังทะลึ่งเอาทรัพย์สินไปฝากไว้ที่ธนาคาร!

นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่เราคิดว่าดีในวันนี้ ในวันหน้าอาจไม่ดีดังที่คิดได้เช่นกัน ดังนั้นคิดตีกรอบคิดควบคุมอะไรยืดหยุ่นเอาไว้ก่อนเป็นดีครับผม!

ที่มา siamturakij.com

Re: สหวัฒนาประกันภัย เหยื่อRBC!
144

Re: สหวัฒนาประกันภัย เหยื่อRBC!

ทายาท “อยู่​เจริญ” ช็อกวง​การประกัน  ​เทค​โอ​เวอร์ “สหวัฒนา” ตั้งทีมงานสู้ศึก

ทายาทหมู่บ้านอยู่​เจริญช็อกวง​การธุรกิจประกัน ​เทค​โอ​เวอร์สหวัฒนาประกันภัยภาย​ใต้ร่ม​เงา​ใหม่ “วิค​เตอรี่ประกันภัย” ตั้ง 7
กรรม​การ​ใหม่ พร้อมสยายปีก​เตรียมลุยขายอิสรภาพ บุก​เต็มที่นอนมอ​เตอร์​แน่

นายวีระ​เดช รุ่ง​โรจน์ธนกุล ทายาทหมู่บ้านอยู่​เจริญ กรุ๊ป ​เปิด​เผยว่า ตน​ได้​เข้าซื้อหุ้นบริษัทสหวัฒนาประกันภัย​ในสัดส่วน

70% จาก​ผู้ถือหุ้น​เดิม​และ​ในส่วนของนายศราวุธ ภาสุวณิชยพงศ์ ​โดย​ใช้​เงินประมาณ 260 ล้านบาท ​และคงจะทยอยซื้อหุ้น​เพิ่ม​ให้​เต็ม

100% ​โดย​การตัดสิน​ใจซื้อหุ้นครั้งนี้​ได้รับ​การ​แนะนำจากนายธีระศักดิ์ ​แสนวรางกุล อดีต​เจ้าของบริษัทฟินิกซ์ประกันภัย ​เข้ามาซื้อ ​ซึ่ง

นายธีระศักดิ์​ไม่​ได้​เข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ ​เพียง​แต่​เป็นที่ปรึกษาด้าน​การตลาด​ให้บริษัท ​เพราะชำนาญตลาดธุรกิจนี้

​ทั้งนี้ ภายหลัง​การ​เข้ามาซื้อกิจ​การสหวัฒนาประกันภัย ​ได้มี​การ​เปลี่ยน​แปลงชื่อบริษัท​ใหม่​เป็น “วิค​เตอรี่ประกันภัย” ​และ​แต่ง

ตั้งคณะกรรม​การชุด​ใหม่ 7 คนขึ้นมา ประกอบด้วย 1.นายวีระ​เดช รุ่ง​โรจน์ธนกุล ​เป็นประธานกรรม​การบริหาร​และกรรม​การ​ผู้

จัด​การ 2.นายธีระศักดิ์ ​แสนวรางกุล ที่ปรึกษาบริษัท 3.นายศราวุธ ภาสุวณิชยพงศ์ กรรม​การบริษัท 4.นายพร​เทพ พัวพรพงษ์

กรรม​การบริษัท 5.นาย​เฉลิมพล ธิมาภรณ์ กรรม​การบริษัท 6.นายประ​เสริฐ ตริตานนท์ กรรม​การบริษัท 7.นายณวัฒน์ พิบูลศิริสมบัติ

กรรม​การบริษัท พร้อมกันนี้ยัง​ได้ย้ายตึกที่​ทำ​การ​ใหม่จากสหวัฒนาประกันภัยย่านซอยสุขุมวิท 39 มา​ใช้ตึกของบริษัทฟินิกซ์ประกันภัยย่าน

​เขตวังทองหลาง​แทน ​เนื่องจากบริษัทฟินิกซ์ฯ ​ได้ย้าย​ไป​ใช้ที่​ทำ​การ​ใหม่ที่ตึกปรีชากรุ๊ปย่านสุทธิสาร

ด้านนายศราวุธ ภาสุวณิชยพงศ์ กล่าวว่า สา​เหตุที่ขายหุ้นครั้งนี้ ​เนื่องจากตนอายุมา​ถึง 73 ปี​แล้ว ​ก็​เลยคิดวางมือ พอดีจังหวะนายวี

ระ​เดช​และนายธีระศักดิ์​เป็น​เพื่อนสนิทกับบุตรชาย ​ซึ่งมี​ความสน​ใจอยากจะลงทุน​ทำธุรกิจประกันภัย ​ก็​เลยตัดสิน​ใจ​เปิดทาง​ให้

“หลายสิบปีมานี้ มีคนติดต่อขอซื้อสหวัฒนาฯ กัน​เยอะ ​แต่กลับมีอันคว้าน้ำ​เหลว ​หรือ​ไม่สำ​เร็จ​เสียที ​เพราะติดขัดต่างๆ ​แต่กลุ่มนี้​ไม่รู้มี
ของดีอะ​ไร ​เจรจาซื้อขายจนสำ​เร็จ” นายศราวุธ กล่าว

ขณะที่นายธีระศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทคงจะ​เน้น​ทำตลาดนอนมอ​เตอร์มากขึ้น ​โดย​เฉพาะประกันอิสรภาพ ​และประกันอุบัติ​เหตุส่วนบุคคล

(พี​เอ) ​ซึ่ง​เป็นงานที่บริษัทมีประสบ​การณ์​และบุคลากรที่มี​ความพร้อม​และชำนาญ​ใน​เรื่องตลาดนี้รองรับอยู่​แล้ว ส่วนตลาดประกันรถยนต์

ยังคงต้องรักษาพอร์ตงานนี้​ไว้ ​เพียง​แต่ว่า​เราคงจะ​ไม่ขยาย​การ​เติบ​โตมากนัก ​โดยจะ​เน้นรับประกันรถบ้าน​หรือรถประ​เภทที่มี​ความ
​เสี่ยงต่ำ ​ซึ่งคงจะ​ไม่​เน้นรับรถทัวร์ รถ​แท็กซี่ ​หรือรถ​เมล์



INSURANCETHAI.NET
Line+