ประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓
1443

ประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓

กำหนดหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓

กฎกระทรวง
กำหนดหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี
พ.ศ. ๒๕๕๓
-------------------------------------------------------------------------------


          อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๑ (๑) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

          ข้อ ๑ในกฎกระทรวงนี้
          "ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี” หมายความว่า นิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการให้บริการด้านการสอบบัญชีหรือด้านการทำบัญชี หรือให้บริการวิชาชีพบัญชีด้านอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๙
          "ทุน” หมายความว่า ทุนจดทะเบียนของบริษัทจำกัด ทุนชำระแล้วของบริษัท มหาชนจำกัด ส่วนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือเงินที่ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือสมาชิกนำมาลงหุ้นในนิติบุคคลอื่น
          "รายได้” หมายความว่า รายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการให้บริการ ด้านการสอบบัญชีหรือด้านการทำบัญชี หรือให้บริการวิชาชีพบัญชีด้านอื่นตามที่กำหนด โดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๙
          "สถาบันการเงิน” หมายความว่า สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น

          ข้อ ๒ ในวันที่ยื่นจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชี ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ต้องจัดให้มีหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามประเภทหนึ่งประเภทใด รวมกันเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละสามของทุน ณ วันที่ยื่นจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชี และแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันมาพร้อมกับการยื่นจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชี
          การเพิ่มทุนหรือลดทุนของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีในระหว่างรอบปีบัญชี ไม่กระทบต่อจำนวนหลักประกันที่ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีได้จัดให้มีแล้วในรอบปีบัญชีนั้น

          ข้อ ๓ ประเภทของหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ได้แก่
          (๑) เงินฝากสถาบันการเงินในประเทศประเภทฝากประจำตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป
          (๒) บัตรเงินฝากซึ่งสถาบันการเงินในประเทศออกให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีเพื่อเป็นหลักฐานการฝากเงินของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีนั้น
          (๓) พันธบัตรรัฐบาลไทยที่จำหน่ายในราชอาณาจักร
          (๔) พันธบัตรองค์การหรือรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคลซึ่งมีพระราชบัญญัติหรือ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น
          (๕) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพบัญชีของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี
                หลักประกันตามวรรคหนึ่งต้องปราศจากภาระผูกพัน

          ข้อ ๔  จำนวนของหลักประกันตามข้อ ๓ (๒) (๓) และ (๔) ให้ถือตามจำนวนเงิน ที่ปรากฏในตราสารนั้น ส่วนหลักประกันตามข้อ ๓ (๕) ให้ถือตามจำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัย ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย

          ข้อ ๕ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีต้องดำรงหลักประกันเพื่อประกันความรับผิด ต่อบุคคลที่สามตลอดระยะเวลาที่ประกอบกิจการ

          ข้อ ๖ ภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นรอบปีบัญชีทุกปี ให้ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี จัดให้มีหลักประกันเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละสามของทุน ณ วันสิ้นรอบปีบัญชีที่ผ่านมา หรือของรายได้รอบปีบัญชีที่ผ่านมา แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า และแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชี
          ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงประเภทของหลักประกันในระหว่างรอบปีบัญชี ให้ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีแจ้งต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง

          ข้อ ๗ การแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันหรือการเปลี่ยนแปลงประเภทของหลักประกันตามกฎกระทรวงนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่นายกสภาวิชาชีพบัญชีประกาศกำหนด

          ข้อ ๘ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่จดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีอยู่แล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ ต้องจัดให้มีหลักประกันประเภทหนึ่งประเภทใดรวมกันเป็นจำนวน ไม่น้อยกว่าร้อยละสามของทุน ณ วันสิ้นรอบปีบัญชีที่ผ่านมา หรือของรายได้รอบปีบัญชีที่ผ่านมา แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า และแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชี ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ
          ในกรณีที่ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีตามวรรคหนึ่งประกอบกิจการไม่ถึงหนึ่งรอบปีบัญชี ต้องจัดให้มีหลักประกันเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละสามของทุน ณ วันที่แจ้งต่อสภาวิชาชีพบัญชี



ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓
พรทิวา นาคาศัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๑ (๑) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ บัญญัติ ให้นิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการให้บริการด้านการสอบบัญชีหรือด้านการทำบัญชี หรือให้บริการวิชาชีพบัญชีด้านอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๙ ต้องจัดให้มีหลักประกัน เพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามตามประเภท จำนวน หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนด ในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

Re: ประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓
1443

Re: ประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓

สนง.บัญชี 4 พันรายป่วน พาณิชย์ออกกฎใหม่ตั้งหลักประกัน3% บังคับใช้26ก.ค.2553

สำนักงานบัญชีมึนถ้วนหน้า กระทรวงพาณิชย์ออกกฎกระทรวงไล่บี้บังคับต้องมีเงินหลักประกัน อ้างเพื่อความมั่นคงธุรกิจ ขีดเส้นตาย 26 ก.ค.นี้บังคับใช้ ระบุฝ่าฝืนปรับทันทีไม่เกิน 3 แสนบาท ไม่แก้ปรับเพิ่มอีกวันละหมื่นบาท ฟันธงกระเทือน 4 พันบริษัทเล็ก วิ่งโร่หาหลักประกัน ธุรกิจโวยกระทันหันไป

 

@สนง.บัญชีกว่า 4 พันรายอ่วม
นายสิทธิพล สิทธิสาตร์ ประธานสหกรณ์บริการพัฒนานักบัญชีไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ผู้ประกอบการวิชาชีพบัญชีที่เป็นนิติบุคคลทุกราย (ทั้งด้านการทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี) จะต้องมีหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 3% ของเงินทุนจดทะเบียน หรือรายได้ในรอบปีบัญชีที่ผ่านมา แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่ากัน เพื่อเป็นหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ซึ่งกฎกระทรวงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มาตรา 66 นิติบุคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
"การเร่งออกกฎกระทรวงและมีผลบังคับใช้อย่างกะทันหันดังกล่าวทำให้บริษัทบัญชีจำนวนมากไม่ทราบเรื่องนี้และไม่ได้เตรียมความพร้อมหลักประกันไว้ก่อน โดยเฉพาะสำนักงานบัญชีขนาดเล็กที่มีทุนจดทะเบียนหรือรายได้ประมาณไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งมีกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะส่วนใหญ่ไม่มีเงินทุนสำรองมากนัก หากต้องถูกปรับมากถึงตามเกณฑ์ดังกล่าว บางบริษัทอาจต้องปิดสำนักงานก็ได้"
@วอนเลื่อนบังคับใช้ต้นปีี54
นายสิทธิพลกล่าวอีกว่า กฎกระทรวงที่ออกและมีผลบังคับใช้ 26 ก.ค.นี้กะทันหันเกินไป ควรเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสเตรียมตัวมากกว่านี้ เห็นว่าควรเลื่อนการบังคับใช้ไปถึงช่วงต้นปี 2554 ซึ่งจะต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกกฎกระทรวงมาแก้ไขเงื่อนเวลาของกฎกระทรวงฉบับก่อนหน้า
นอกจากนี้ทางสหกรณ์บริการพัฒนานักบัญชีไทยได้พยายามหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการวิชาชีพบัญชี โดยได้ขอซื้อกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพ สำหรับผู้ประกอบการวิชาชีพบัญชีจาก บมจ.เมืองไทยประกันภัย ซึ่งจะต้องออกเป็นกรมธรรม์พิเศษให้ครอบคลุมสมาชิกในสหกรณ์ไปด้วย ซึ่งขณะนี้ได้พยายามติดต่อสำนักงานบัญชีต่าง ๆ ราว 400-500 แห่ง ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหกรณ์เพื่อเป็นหนึ่งในทางแก้ไขปัญหานี้ในเบื้องต้น
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎกระทรวงเรื่องการกำหนดหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบการวิชาชีพบัญชี โดยประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 27 พ.ค. 2553 มีผลบังคับใช้ภายใน 60 วัน นับจากวันประกาศ ขณะที่สภาวิชาชีพบัญชีแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศชี้แจงหลักปฏิบัติกรณีดังกล่าวในวันที่ 7 ก.ค. และนัดชี้แจงต่อสมาชิกเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
@เร่งออกแพ็กเกจประกันภัยรองรับ
ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทประกันวินาศภัยรายใหญ่แห่งหนึ่งกล่าวว่า บริษัทกำลังออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพ สำหรับผู้ประกอบการวิชาชีพบัญชี ซึ่งเป็นแพ็กเกจความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการทำบัญชีหรือสอบบัญชีผิดพลาดโดยไม่เจตนา โดยรวมความรับผิดชอบทั้งค่าต่อสู้คดีและการชดใช้ค่าเสียหายตามทุนประกันที่ได้เลือกซื้อเอาไว้ โดยเริ่มต้นทุนประกันที่ 500,000 บาท เบี้ยประกันเริ่มต้นประมาณ 3,000 บาท
"ขณะนี้รูปแบบกรมธรรม์ออกแบบเสร็จแล้ว พร้อมจะยื่นขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอีก 1-2 เดือน กว่าจะได้รับอนุมัติและเริ่มทำตลาดได้ ซึ่งจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่ไม่ต้องการใช้หลักทรัพย์มาค้ำประกันจำนวนมาก เพราะหลักเกณฑ์อัตรา 3% ของทุน หรือรายได้ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นเพียงเกณฑ์ขั้นต่ำเท่านั้น แต่เจ้าทุกข์อาจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมากกว่านั้นก็ได้" แหล่งข่าวกล่าว
@บ.บัญชีร้อง "เวลากระชั้นชิด-ไม่มีสภาพคล่อง"
แหล่งข่าวจากบริษัทรับทำบัญชีขนาดเล็กกล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องแล้วที่กระทรวงพาณิชย์ออกกฎกระทรวงกำหนดหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2553 โดยให้วางหลักประกันไม่น้อยกว่า 3% ของทุน หรือรายได้รอบปีบัญชีที่ผ่านมา แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่ากัน เนื่องจากสภาวิชาชีพบัญชีได้จัดสัมมนาอบรมเรื่องดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 26 ก.ค.นี้
"ในงานสัมมนาดังกล่าวมีบริษัทบัญชีมาร่วมฟังการสัมมนาจำนวนมาก ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และขนาดเล็ก เนื่องจากกฎกระทรวงนี้ทุกบริษัทจะได้รับผลกระทบเหมือนกันในการต้องวางเงินหลักประกันซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กที่มีสภาพคล่องหมุนเวียนน้อย โดยหากทุน 1 ล้านบาท ต้องวางประกันถึง 3 หมื่นบาท หากทุน 5 ล้านบาท ก็ต้องวางประกันถึง 1.5 แสนบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ไม่ใช่น้อย ทำให้การประชุมในวันนั้นมีบริษัทบัญชีหลายรายลุกขึ้นสอบถามและแสดงความไม่เห็นด้วยจำนวนมาก และไม่เข้าใจกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกระทรวงพาณิชย์ทำอะไรกันอยู่"
แหล่งข่าวกล่าวว่า แม้ว่าจะทราบเรื่องจากการสัมมนาเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ไม่สามารถทำตามกฎเกณฑ์ดังกล่าวได้ทัน เนื่องจากเวลากระชั้นชิดมาก และการที่จะนำเงินมาฝากธนาคารพาณิชย์หรือนำพันธบัตรวางเป็นหลักประกันก็ไม่สามารถทำได้ภายในเวลารวดเร็ว เพราะจะต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติและจัดทำหนังสือรับรองการประชุม เพื่อนำไปเปิดบัญชีเงินฝากประจำ 1 ปี ตามเกณฑ์ที่กำหนด ขณะที่พันธบัตรหรือบัตรเงินฝากก็ไม่สามารถหาซื้อได้ภายในวันนี้พรุ่งนี้ รวมถึงกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพบัญชีในปัจจุบันก็ยังไม่มีบริษัทประกันภัยใดออกขายเลย
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับการต้องวางหลักประกัน คิดว่าบริษัทบัญชีหลายแห่งคงเลือกที่จะฝากประจำ 1 ปีมากกว่า เพราะยังได้ดอกเบี้ยและเงินต้นยังอยู่ แต่หากต้องไปซื้อกรมธรรม์ความรับผิดก็จะต้องเสียค่าเบี้ยประกันไปฟรี ๆ และค่าเบี้ยประกันไม่ใช่น้อย
"แต่ปัญหาตอนนี้คือ บริษัทขนาดเล็กที่มีทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่กว่า 4 พันบริษัท ไม่มีเงินมากพอที่จะนำไปวางเป็นหลักประกัน เพราะเงินที่มีอยู่ในบริษัทก็ต้องใช้หมุนเวียนธุรกิจ ฉะนั้นกฎกระทรวงที่ออกมาดังกล่าวสร้างผลกระทบอย่างมากให้กับบริษัทบัญชี ขณะที่ระยะเวลาบังคับใช้ก็กระชั้นชิดเกินไป ไม่มีเวลาให้บริษัทบัญชีตั้งตัว" แหล่งข่าวกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้สอบถามในประเด็นดังกล่าวไปยังอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้ว แต่ไม่ได้รับการชี้แจงใด ๆ ก่อนที่จะออกจดหมายข่าวชี้แจงส่งไปยังสำนักพิมพ์ต่าง ๆ

cr.https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1280030092

Re: ประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓
1443

Re: ประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓

ถาม-ตอบ เรื่องกำหนดหลักประกันความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี
<13 กันยายน 2553 13:33 น.>จำนวนผู้เข้าชม 10218 คน
คำถามและคำตอบเกี่ยวกับกฎกระทรวง
เรื่อง  กำหนดหลักประกันความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี

1.  คำถาม  ผู้ใดต้องจัดให้มีหลักประกัน
    คำตอบ  เฉพาะนิติบุคคล  ซึ่งประกอบกิจการให้บริการด้านการสอบบัญชีหรือด้านการทำบัญชี  ให้บริการวิชาชีพบัญชีด้านอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา  9 เท่านั้น  คือ
1.  นิติบุคคลรายใหม่  ที่จะยื่นจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชี  ต้องจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันมาพร้อมกัน
2.  นิติบุคคลที่จดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีอยู่แล้ว  ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ  (27 พฤษภาคม 2553)ให้จัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ (ภายใน 27 กรกฎาคม 2553)
กรณีที่นิติบุคคลให้บริการด้านการทำบัญชีหรือด้านการสอบบัญชีให้กับบริษัทในเครือ  โดยทำในนามของนิติบุคคลนั้นมีรายได้จากการให้บริการดังกล่าว  เช่นนี้ถือว่าเข้าเครือข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรา  11  ด้วย

2.  คำถาม    ประโยชน์ของการจัดให้มีหลักประกัน
  คำตอบ    1.เพื่อเป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรา  11  แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี  พ.ศ. 2547
                    2.เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่บุคคลผู้ใช้บริการวิชาชีพบัญชี
                    3.เพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังมากขึ้น

3.  คำถาม  นิติบุคคลจะแจ้งหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีด้วยวิธีการใด
      คำตอบ  ใช้แบบคำขอแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม (แบบสวบช. 5.3)  พร้อมแนบหลักฐานดังต่อไปนี้
                      1.สำเนาหลักประกัน
                      2.สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ไม่เกิน 1 เดือน
                      3.หนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนนิติบุคคล
                      (เฉพาะกรณีที่กรรมการไม่สามารถลงนามในแนบ  สวบช. 5.3 ได้)
                      4.สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  (ถ้ามี)
                    เตรียมแบบสวบช.  5.3  พร้อมหลักฐาน  จำนวน  2  ชุด  และชำรพค่าดำเนินการ  จำนวน  400  บาทและยื่นแบบสวบช.  5.3  และหลักฐาน  ได้ที่  ที่ทำการสภาวิชาชีพบัญชีฯ  ถนนสุขุมวิท21(อโศก) หรือ ส่งทางไปรษณีย์
                    มายังสภาวิชาชีพบัญชีฯ เลขที่ 133 ถนนสุขุมวิท21(อโศก)  แขวงคลองเตยเหนือ  เขตวัฒนา  กรุงเทพฯ  10110  หรือ  ส่งที่สำนักงานสาขาสภาวิชาชีพบัญชีฯ
                    สำหรับการจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีครั้งแรกนิติบุคคลต้องจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันภายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2553 นี้  ส่วนการ  จัด ให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกัน ครั้งต่อไป ให้ดำเนินการภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันสิ้นรอบบัญชีทุกปีของแต่ละนิติบุคคล

4.  คำถาม  หน่วยลงทุนในกองทุน หุ้น หรือตราสารต่างๆ ใช้เป็นหลักประกันได้หรือไม่
    คำตอบ  ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ประเภทของหลักประกันตามกฎกระทรวง ข้อ  3

5.  คำถาม  ทุน ในความหมายตามข้อ  2  ของกระทรวงฉบับนี้ หมายถึง  ทุน ของบริษัทที่ให้บริการทำบัญชีหรือสอบบัญชีใช่หรือไม่
    คำตอบ  1.ทุนจดทะเบียนของบริษัทจำกัด  ที่บริษัทจำกัดยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ของบริษัทจำกัดที่ให้บริการทำบัญชีหรือสอบบัญชี
                      2.ทุนชำระแล้วของบริษัทมหาชน

6.  คำถาม  กรณีเปลี่ยนแปลงประเภทหลักประกัน  นิติบุคคลต้องดำเนินการอย่างใด
      คำตอบ  กรณี เปลี่ยนแปลงประเภทของหลักประกันในระหว่างรอบปีบัญชี  ให้นิติบุคคลแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทของหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง  โดยใช้แนบ  สวบช. 5.4  คำขอแจ้งเปลี่ยนแปลงประเภทของหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม  พร้อมแนบหลักฐานดังต่อไปนี้
                    1.สำเนาหลักประกัน
                    2.สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ไม่เกิน 1 เดือน
                    3.หนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนนิติบุคคล  (ถ้ามี)
                    4.สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  (ถ้ามี)
                    เตรียมแบบสวบช.  5.3  พร้อมหลักฐาน  จำนวน  2  ชุด  และชำรพค่าดำเนินการ  จำนวน  400  บาทและยื่นแบบสวบช.  5.3  และหลักฐาน  ได้ที่  ที่ทำการสภาวิชาชีพบัญชีฯ  ถนนสุขุมวิท21(อโศก) หรือ ส่งทางไปรษณีย์  มายังสภาวิชาชีพบัญชีฯ เลขที่ 133 ถนนสุขุมวิท21(อโศก)  แขวงคลองเตยเหนือ  เขตวัฒนา  กรุงเทพฯ  10110  หรือ  ส่งที่สำนักงานสาขาสภาวิชาชีพบัญชีฯ

7.  คำถาม  วิธีการแสดงรายการในงบการเงินเกี่ยวกับหลักประกันต้องแสดงอย่างไร  นิติบุคคลต้องเปิดเผยในงบการเงินหรือไม่     
    คำตอบ    การแสดงรายการงบการเกี่ยวกับหลักประกันให้แสดงไว้ในส่วนของรายการสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนภายใต้หัวข้อ   
สินทรัพย์ที่มีภาระผูกพัน  ซึ่งจะต้องอ้างอิงกับหมายเหตุประกอบงบการเงินที่จะต้องอธิบายรายละเอียดของ  หลักประกันตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

8.  คำถาม  กรณีเพิ่มหรือลดของทุนหรือรายได้ในระหว่างรอบปีบัญชีต้องแจ้งหลักประกันใหม่หรือไม่
    คำตอบ  การเพิ่มทุนหรือลดทุนของนิติบุคคลในระหว่างรอบบัญชีที่ไม่กระทบต่อจำนวนหลักประกันที่นิติบุคคลได้จัดให้มี
แล้วปีบัญชีนั้น  โดยไม่ต้องแจ้งต่อสภาฯ

9.  คำถาม  กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพบัญชี ที่จะนำมาเป็นหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่ 3 มีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติมที่จะต้องนำมาพิจารณา เช่น ต้องเป็นกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพบัญชีของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้เท่านั้น  หรือไม่
  คำตอบ  ใช่  ทั้งนี้ นิติบุคคลสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้จาก  สำนักงาน  คปภ. เกี่ยวกับบริการดังกล่าว





10.  คำถาม  กรณีบริษัทมีกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดชอบทางวิชาชีพบัญชีของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี  หากบริษัทมีรายได้จากสอบบัญชีและทำบัญชีทั้งสิ้น 10 ล้านบาท หลักประกันร้อยละ 3  เป็นจำนวนเงิน  300,000 บาท ถ้าบริษัทจ่ายเบี้ยประกัน  100,000 บาท จำนวนเงินทุนประกันตามกรมธรรม์ 8 ล้านบาท ถือว่าหลักประกันเพียงพอตามข้อ4 ของกฎกระทรวง ใช่หรือไม่
      คำตอบ  ใช่ ถือว่าเพียงพอตามข้อ4 ของกฎกระทรวง

11.  คำถาม  กรณีที่มีการต่ออายุกรรมธรรม์ในระหว่างรอบปีบัญชีต้องทำอย่างไร
คำตอบ  กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนประเภทหลักประกัน  ให้นิติบุคคลแจ้งการเปลี่ยนแปลงของหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง

12.  คำถาม  การให้บริการวิชาชีพบัญชีด้านอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 คืออะไร
      คำตอบ  ขณะนี้ยังไม่มีพระราชฎีกากำหนดวิชาชีพอื่น มีเพียงวิชาชีพการทำบัญชีและสอบบัญชีเท่านั้น

13.  คำถาม  รายได้ค่าที่ปรึกษาภาษีอากร ที่ปรึกษากฎหมาย ถือเป็นรายได้จากการทำบัญชีหรือสอบบัญชีหรือไม่
      คำตอบ  ไม่ใช่

14.  คำถาม  นิติบุคคลมีธุรกิจหลายประเภท  เช่น  ผลิตสินค้า  ให้บริการ  และรับทำบัญชีด้วย  ต้องจดทะเบียนหรือไม่
คำตอบ  หากนิติบุคคลมีรายละเอียดวัตถุในการประกอบกิจการให้บริการด้านการสอบบัญชี  หรือด้านการทำบัญชีตามที่ยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  นิติบุคคลนั้นก็ต้องจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีด้วยตามมาตรา 11  แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2547  และจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกัน

15. คำถาม  นิติบุคคลที่ให้บริการทั้งทำบัญชีและสอบบัญชี  ต้องคำนวณหลักประกันอย่างไร
      คำตอบ  ต้องนำรายได้ทั้งทำบัญชีและสอบบัญชีมารวมกันและพิจารณาว่ารายได้หรือทุนมากกว่า จึงคำนวณร้อยละ3 จากรายการนั้น

16. คำถาม  หากใช้การคำนวณหลักประกันจากรายได้ของรอบปีที่ผ่านมา  แต่นิติบุคคลจะจัดทำหลักประกันมากกว่าร้อยละ3 ได้หรือไม่
      คำตอบ  ได้

17. คำถาม  หากรายได้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละปี บัญชีเงินฝากที่ใช้เป็นหลักประกันสามารถใช้บัญชีเงินฝากเดิม  แต่เพิ่มจำนวนเงิน หรือลดจำนวนเงินได้หรือไม่ หรือต้องเปิดบัญชีใหม่
      คำตอบ  ใช้บัญชีเงินฝากเดิม หรือจะเปิดบัญชีใหม่ก็ได้

18. คำถาม    หากนิติบุคคลปิดงบไม่ทันภายใน 60 วัน จะต้องนำหลักฐานใดสำหรับการจัดให้มีหลักประกัน
      คำตอบ    บริษัทต้องรวบรวมรายได้  จากใบเสร็จ หรือรายการรับชำระที่ได้จากการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านการสอนบัญชี 
      หรือด้านการทำบัญชี โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันปิดงบ

19. คำถาม  ประเภทของหลักประกันของบัตรเงินฝากเป็นของบุคคล  หรือกรรมการผู้มีอำนาจลงนามได้หรือไม่
      คำตอบ  ไม่ได้  ต้องเป็นชื่อของนิติบุคคลเท่านั้น

20. คำถาม  มีหลักเกณฑ์การลดหลักประกันหรือไม่
      คำตอบ  การลดหรือเพิ่มหลักประกันต้องพิจารณาถึงรายได้หรือทุนหลังจากวันสิ้นรอบปีบัญชีของทุกปี

21. คำถาม  หนังสือค้ำประกันของธนาคาร (Bank Guarantee) ถือเป็นหลักประกันได้หรือไม่ และผู้ใดเป็นผู้รับผลประโยชน์
      คำตอบ  ไม่ถือเป็นหลักค้ำประกัน  ตามประเภทที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

22. คำถาม  นิติบุคคลจะถอนหลักประกันที่แจ้งไว้ต่อสภาฯ ได้หรือไม่
      คำตอบ  ไม่ได้  เพราะนิติบุคคลต้องดำรงหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามตลอดระยะเวลาประกอบกิจการ   
                      ตามกฎกระทรวง ข้อ5 หากฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามย่อมมีความผิดตามมาตรา 66

23. คำถาม  นิติบุคคลได้ทำประกันไว้กับบริษัทประกันภัยในต่างประเทศอยู่แล้ว จะใช้ได้หรือไม่
      คำตอบ  กฎกระทรวงไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยไว้ แต่ควรเลือกทำประกันกับบริษัทในประเทศจะได้รับความคุ้มครองมากกว่า เพราะสำนักงาน คปภ. เป็นผู้กำกับดูแลบริษัทประกันภัยในประเทศ หากเป็นบริษัทประกันภัยในต่างประเทศ หากเกิดความเสียหายอาจเกิดปัญหาในการเรียกร้องสินไหมทดแทน

24. คำถาม  กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีการขยายเวลายื่นงบการเงินได้ สภาวิชาชีพบัญชีจะขยายเวลาผ่อนผันการแจ้งหลักประกันหรือไม่
      คำตอบ  การขยายเวลาการยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  เป็นอำนาจของอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพิจารณาสั่งให้ขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีได้ตาม 11  แห่งพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ส่วนกฎกระทรวงกำหนดความรับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2553 ประกอบพระราชบัญญัติวิชาชีพพ.ศ.2547 ไม่ได้กำหนดให้วิชาชีพบัญชี หรือกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจพิจารณาขยายเวลาผ่อนผันการแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันได้

25. คำถาม  การจัดให้มีหลักประกันร้อยละ3 นั้น จะต้องจัดสะสมไว้แต่ละปี หรือ เป็นการคงหลักประกันไว้ที่ร้อยละ3 ของทุนหรือรายได้ในรอบปีที่ผ่านมาเท่านั้น
      คำตอบ  ไม่มีการสะสมหลักประกันในแต่ละวันสิ้นรอบปีบัญชี แต่ต้องคำนวณใหม่เพื่อจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันใหม่ หากมีการเพิ่มทุนหรือลดทุน  หรือรายได้เพิ่มขึ้นหรือรายได้ลดลง ในแต่ละวันสิ้นรอบปีบัญชี

26. คำถาม  นิติบุคคลมีรายได้ลดลงจากปีก่อน  ต้องจัดให้มีหลักประกันร้อยละ3 จากทุนจดทะเบียนใช่หรือไม่
      คำตอบ  หากรายได้ลดลงจนน้อยกว่าทุนจดทะเบียน ให้คำนวณร้อยละ3 ของทุนจดทะเบียน

27. คำถาม  นิติบุคคลมีเงินฝากประจำไม่เพียงพอ จะใช้หลักประกันประเภทอื่นร่วมด้วยได้หรือไม่
      คำตอบ  ได้ ตามกฎกระทรวงข้อ3

28. คำถาม  นิติบุคคลมีเงินฝากประจำประเภท 1 ปีอยู่แล้ว สามารถนำบัญชีที่มีอยู่มาใช้เป็นหลักประกันได้หรือไม่หรือต้องเปิดบัญชีใหม่แยกอีก1 บัญชี
      คำตอบ  ได้ หากบัญชีเงินฝากดังกล่าวเปิดบัญชีในนามของนิติบุคคลนั้นๆ

29. คำถาม  ในกรณีวงเงินในบัตรเงินฝากสูงกว่าวงเงินหลักประกัน จะมีวิธีการแยกเฉพาะส่วน หรือ กำหนดวงเงินประกันสำหรับบัตรเงินฝากแยกต่างหากออกจากกันอย่างไร
      คำตอบ  ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงข้อ4 กล่าวคือ จำนวนของหลักประกันตามข้อ3(2)(3)และ(4)ให้ถือตามจำนวนเงินที่ปรากฏในตราสารนั้น ส่วนหลักประกันตามข้อ 2(5) ให้ถือตามจำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย



INSURANCETHAI.NET
Line+