ตัวแทนอาชีพที่ต้องกระตุ้นเตือนใจตนเองมากที่สุด
148

ตัวแทนอาชีพที่ต้องกระตุ้นเตือนใจตนเองมากที่สุด

ตัวแทนอาชีพที่ต้องกระตุ้นเตือนใจตนเองมากที่สุด

ความผิดพลาดประการแรกที่นักขายต้องหลั่งน้ำตา คือการไม่มีระเบียบวินัยใน การใช้จ่าย ใช้จ่ายเกินรายได้และเป็นหนี้เป็นสินพ้นล้นตัวในที่สุด

ยังมีหลุมพลางอีกๆหลายหลุมพลางที่ชีวิตนักขายต้องพึงระวัง หากเพลี่ยงพล้ำ อาจจะพลาดท่าเสียทีจนต้องหลั่งน้ำตาได้

ในชีวิตนักขายนั้น หากจะพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า ไม่ใช่ทุกคนจะประสบความ สำเร็จเหมือนกันหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานของแต่ละคนเอง ความรู้ที่เป็นพื้นฐาน มาก่อนได้แก่การเรียนจบในระดับไหนมาก่อนนั้น แทบจะไม่มีความหมาย หรือไม่สามารถนำมาสรุปความสำเร็จของนักขายได้ แต่การเรียนรู้และฝึกฝนอย่างหนัก จะ ทำให้นักขายก้าวข้ามขวากหนามที่เป็นอุปสรรคในการทำงานไปได้

แต่ตรงกันข้าม นักขายจำนวนมากไม่ศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติม

ผู้เขียนเคยพบกับนักขายหลายคนที่ประสบความสำเร็จในเบื้องต้นเพียงระยะเวลา สั้นๆแล้วก็ล้มเหลวตามมา เป็นเพราะอะไร เมื่อศึกษาดูแล้ว คำตอบแรกที่มีจำนวนมากที่สุดก็คือ

ทนงในความสามารถของตนเอง เมื่อถามเขาว่าทำไมไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ร่วมอาชีพ เขาก็จะตอบว่า ไม่จำเป็น ไม่สำคัญ เพราะเท่าที่เป็นสภาพนี้ เขา ก็ขายได้แล้ว และยอดขายของเขาก็อยู่ในอันดับต้นๆ แล้วจะต้องไปเรียนหรือไปเข้า กลุ่มกับผู้อื่นให้เสียเวลาไปทำไม

การทรนงในความสามารถของตนเอง จนที่สุดกลายเป็นความเย่อหยิ่ง ซึ่งก็ทำ ให้ไม่มีมิตรแท้จริงในที่ทำงาน สังคมไทยเป็นสังคมที่ต้องมีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ยิ่งผู้ใดมีมากเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสได้เปรียบเพื่อนๆ แต่คนที่ไม่สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ย่อมจะได้รับการรังเกียจจากผู้อื่น แน่นอนว่าเกิดเป็นนกต้องมีขน เกิดเป็นคนต้องมีพวก หากขาดเพื่อนแล้วก็เท่ากับทำลายอนาคตของคน คนนั้นเสียเอง

อย่างที่เป็นคำพูดท้วงติงว่า มีงานดีแล้วเหลิงแล้วหยิ่งประมาณนั้น

ข้อนี้แหละที่ทำให้ นักขายที่ดีต้องคอยประเมินตนเอง ว่าเราลืมตัวลืมตนไปหรือเปล่า

ประการที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือการประมาทในช่วงเวลาทำงานของตนเอง

นักขายบางคนทำงานเพียงสามสี่วันก่อนสิ้นเดือน เพราะนิสัยเสียสองประการ

ประการแรก ชอบผัดวันประกันพรุ่ง

ประการที่สอง ชอบพกความเกียจคร้านใส่ตัว

เขาถึงบอกว่า นักขายที่ดีคือนักบริหารตนเอง เป็นนายของตนเอง มีผู้สอนว่า นักขายที่ดีควรรีบทำเป้าหมายทั้งปีให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวัน เวลาที่เหลือจะได้ทำเป็นส่วนเกินจากเป้าหมาย แต่หลายคนคิดว่า ยังไม่ต้องรีบร้อน ยังมีเวลาถมถืด จึง ต้องทำอย่างรีบเร่งตอนจะหมดเวลาทำงาน ยิ่งถ้าเป็นคนขี้เกียจแล้ว ยิ่งไม่ค่อยจะลงมือทำ

บังเอิญงานขายไม่ใช่งานรับเงินเดือน จึงไม่มีใครเร่งใครจี้ให้นักขายทำ นักขายเองต้องใส่ไฟให้กับตนเองอยู่ตลอดเวลา เท่ากับต้องสลัดความเกียจคร้านออกไปจากตัวให้ได้

เรื่องสุดท้ายที่เป็นจุดอ่อนของนักขายก็เห็นจะเป็นเรื่องทำตามอารมณ์ แล้วแต่อารมณ์จะพาไป ถ้าอยากจะทำก็ทำ แต่ถ้าไม่อยากจะทำ ให้เคี่ยวให้เข็ญอย่างไรก็ไม่เอา ไม่มีใครที่เอาตามอารมณ์แล้วได้ดิบได้ดี มีแต่คนที่ควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เท่านั้นที่ได้ดิบได้ดี เราอาจจะต้องหาอะไรมาเป็นเครื่องกระตุ้นอารมณ์ของเรา เช่น การทำงานอย่างมีอุดมการณ์ การทำงานเพื่อคนที่เรารักจะได้มีความสุข การ ทำงานของเราเป็นการช่วยเหลือให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น การสร้างความศรัทธาในอาชีพนักขาย และสินค้าที่เราขาย อย่างนี้ก็จะพอกระตุ้น

หลักการก็คือ หาจุดแข็งมาสลายจุดอ่อนนั่นเอง
   
ที่มา : สยามธุรกิจ



INSURANCETHAI.NET
Line+