สมุนไพร กระชาย บำรุงไต
317

สมุนไพร กระชาย บำรุงไต

สมุนไพร กระชาย บำรุงไต

การทำงานของไต จะเสื่อมไปตามกาลเวลา โดยปกติจะเริ่มต้นตั้งแต่อายุ 30 ขึ้นไป ซึ่ง เป็นความเสื่อมของร่างกายจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ส่วนจะเสื่อมเร็วช้าหรือมากน้อยจะไม่เท่ากันในแต่ละคน ทั้งนี้อยู่กับปัจจัยหลายอย่างและการเสื่อมนั้นจะเป็นไปอย่างช้า ๆ

สาเหตุการเสื่อมของไต ได้แก่
          1. กรรมพันธุ์ พ่อแม่ไม่แข็งแรงหรือมีลูกตอนอายุน้อยหรืออายุมากเกินไป หรือมีลูกหลายคน หรือตอนตั้งครรภ์คุณแม่ไม่มีการพักผ่อนและบำรุงอย่างเพียงพอหรือคลอดก่อน กำหนด ไตของลูกก็จะอ่อนแอตั้งแต่กำเนิด
          2. การมีเพศสัมพันธ์มากเกินควร ทำให้ไตสูญเสียพลังงาน
          3. ประสบอุบัติเหตุ ไตถูกกระทบกระเทือน
          4. ทำงานหนัก ทำงานเกินกำลังหรือทำงานหามรุ่งหามค่ำ ดูทีวี เล่นเก่มคอมพิวเตอร์จนอดหลับอดนอน
          5. ผลกระทบจากโรคเรื้อรังต่างๆ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็ง SLE อัมพฤกษ์ อัมพาต วัณโรค โรคเกาต์ ฯลฯ
          6. ปัจจัยเสี่ยงในชีวิตประจำวัน ผลข้างเคียงจากการใช้สารเคมี เช่น ยาแก้ปวด ยารักษาสิว ยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะ ยาลดความดัน ยาลดความอ้วน ฮอร์โมนทดแทน เป็นต้น ความเครียด มลภาวะเป็นพิษ เป็นต้น
          7. เรื่องอาหารการกิน ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักและผลไม้ ฮอร์โมน สารเร่งการเจริญเติบโตที่สะสมในเนื้อสัตว์ อาหารทะเลที่ได้รับสารเคมีที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม อาหาร ทะเลที่แช่ฟอร์มาลินหรือได้รับสารปนเปื้นจากสิ่งแวดล้อมสารโซเดียมที่ ผสมอยู่ตามอาหาร ขนม ขบเคี้ยวและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เช่น ผงชูรส ผงฟูหรือใช้สารต้องห้ามในการปรุงอาหาร เช่น สารบอแร็ก เป็นต้น อาหารรสจัด รสเค็ม อาหารและเครื่องดื่มที่ผสมสี ฯลฯ ล้วน ทำให้ ไต ทำงานหนักยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบอย่งรุนแรงต่อสุขภาพของไต ทำให้เสื่อมโทรมก่อนเวลาอันสมควร โดยเกิดอาการไตอ่อนแอ ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะที่ใช้บ่อยในการวินิจฉัยโรคของวงการแพทย์จีน ไตอ่อนแอไม่ใช่ชื่อโรค แต่การทรุดโทรมของระบบการทำงานภายในร่างกาย ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ และแก่ก่อนวัย

ปัจจัย ดังกล่าวล้วนทำให้ไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็วและก่อนวัยอันควรเราจึงพบบ่อยว่า หลายๆ คนแม้ยังในวัยหนุ่มสาวแต่ก็มีอาการของภาวะไตก่อนอ่อนแอเช่นกัน

ภาวะ ไตอ่อนแอจะแสดงอาการหลากหลายตามระบบต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งอาจแสดงอาการใดอาการหนึ่งหรือหลายๆ อาการพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพความเสื่อมโทรมของไต อายุและระยะเวลาที่เรื้อรัง

การวินิจฉัยว่าตนเองมีอาการ ไตอ่อนแอ หรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเพียงแค่สังเกตตนเองว่ามีอาการเหล่านี้ไหม
1. ระบบทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะตอนกลางคืนต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะ ปัสสาวะกะปริดกะปรอย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่บวมน้ำตามร่างกาย ฯลฯ
2. ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ปวดหลังปวดเอว แขนขาอ่อนแรง เป็นตะคริวบ่อย หนาวหรือชาปลายมือปลายเท้า ปวดตามข้อ กระดูกพรุน โรคเกาต์ ฯลฯ
3. ระบบประสาท นอนไม่หลับ ฝันบ่อย เวลานอนแขนขากระตุกหรือสะดุ้งตื่นเป็นประจำ หรือฝันว่าตกจากที่สูงจนตกใจตื่นเป็นประจำ ขี้หลงขี้ลืม ขาดสมาธิ วิงเวียน ปวดศีรษะ ซึมเศร้า วิตกกังวล อ่อนเพลียเรื้อรัง ขี้หนาว ฯลฯ
4. ระบบทางเดินอาหาร เบื่ออาหาร ลำไส้แปรปรวน อุจจาระร่วงเป็นประจำ ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องผูก ฯลฯ
5. ระบบภูมิต้านทาน เป็นหวัดบ่อยหรือเป็นหวัดง่าย ลมพิษ สะเก็ดเงิน เริม SLE ฯลฯ
6. ระบบทางเดินหายใจ  ไอเรื้อรัง หอบหืด ฯลฯ
7. ระบบสืบพันธุ์ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ หลั่งเร็ว ประจำเดือนมาผิดปกติ ช่องคลอดไม่กระชับ มีบุตรยากหรือแท้งบุตร เข้าสู่วัยทองก่อนวัยอันควร ฯลฯ
8. สภาพร่างกายภายนอก ผิวหน้าหมองคล้ำ หยาบกร้าน มีฝ้าบนใบหน้า ใต้ตาหมองคล้ำ หน้าอกหย่อนยาน ผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย น้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างฮวบฮาบ ฯลฯ
9. หู-ตา หูอื้อ ตาพร่า น้ำในหูไม่เท่ากัน ฯลฯ

          สำหรับ อาการต่างๆ ที่เกิดจากภาวะไตอ่อนแอ การแพทย์จีนแนะนำควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้ถูกสุขลักษณะและ ควรรักษาแต่เนิ่นๆ เนื่องจากอาการของภาวะไตอ่อนแอมักจะเรื้อรังอย่างช้าๆ จนเราคุ้นเคยกับความผิดปกติของร่างกายถึงขนาดลืมไปแล้วว่าตอนปกติจริงๆนั้น เป็นอย่างไร นอกจากนี้ ผลการตรวจการทำงานของไตตามหลักการแพทย์ตะวันตกที่ต้องรอให้ไตเสียไปมากกว่า 70% ถึงจะแสดงค่า BUN และ Creatinine ที่ สูงขึ้นนั้นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากเข้าใจผิดและชะล่าใจว่า ถ้าผลการตรวจยังปกติอยู่ก็แสดงว่าไตยังแข็งแรง ทั้งๆ ที่ไตอาจเสื่อมไปมากแล้วก็ตาม วิธีการรักษาของการแพทย์จีนจะเน้นการบำรุงรักษาไตเป็นหลักเพื่อบำบัดหลายๆ อาการของภาวะไตอ่อนแอไปพร้อมๆกัน ทั้งๆ ที่แต่ละอาการดูเหมือนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันในมุมมองของการแพทย์ตะวันตก ก็ตาม เมื่อไตแข็งแรงขึ้น อาการของภาวะไตอ่อนแอทั้งหลายก็จะค่อยๆ ทุเลาหรืออาจหายไปในที่สุด

สูตรบำรุงไตด้วยสมุนไพร
1.  นำกระชาย 1 กิโลกรัม ปั่นในเครื่องปั่น พร้อมกับน้ำ 2 ลิตร
2.  กรองกากออกด้วยผ้าขาวบาง
3. เก็บไว้ในตู้เย็น เขย่าก่อนดื่ม เนื่องจากมีตะกอนของกระชายด้วย
4. เวลาดื่ม นำน้ำกระชาย 1 แก้ว + น้ำมะนาว 1 ลูก + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา(หรือปรุงหวานตามชอบ)
5. ดื่มได้ทุกวัน อาจดื่มติดต่อกัน 15 วัน แล้วหยุดเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแหลงของร่างกาย



INSURANCETHAI.NET
Line+