เศรษฐี 12 ข้อ
822

เศรษฐี 12 ข้อ

อยากเป็นเศรษฐี ต้องมี12 ข้อนี้
1.เป็นคนเก่งรอบตัว
2.เป็นผู้รู้จักใช้โอกาสของชีวิตได้อย่างเต็มที่
3.มีวิสัยทัศน์และลางสังหรณ์
4. มีนิสัยเรียนรู้และชอบศึกษาโดยไม่จำกัด
5.มีลักษณะผู้นำ
6.มีศิลปะและรู้จักใช้เทคนิคของทฤษฎีหน้าหนาใจดำ .... (หมายถึง เก็บความรู้สึกเก่ง และ กล้าตัดสินใจ)
7. รู้จักเลือกพี่เลี้ยงและผู้สนับสนุนอย่างถูกต้องและถูกจังหวะ
8.มีความสามารถในการสร้างเครือข่ายใย
9.สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสทุกกรณี
10.ช่างคิดและช่างทำ เป็นทั้งนักคิดและนักปฏิบัติ
11.รู้ค่าของเงิน และ
12.มีดวงดีและมีทัศนคติที่ดี


--------
ทุกคนที่เป็นเศรษฐีล้วนยังพิมพ์แบงก์เองไม่ได้ แต่ทุกวิธีคิดของพวกเขา กลับเสกเงินให้งอกขึ้นมา ไม่ต่างจากหญ้าในสนาม

“จะเป็นเศรษฐีได้ต้องมีใจแน่วแน่ว่าอยากเป็น เทคนิคการสร้างจิตใจให้อยากรวย อย่างหนึ่งที่ได้ผลคือ ให้รู้จักความทุกข์ทรมานที่เกิดจากความยากจนให้มาก” เจ้าของประสบการณ์ที่คร่ำหวอดกับบรรดาเศรษฐีชั้นนำทั้งไทยและเทศ “เฉลียว สุวรรณกิตติ” บันทึกเอาไว้ในหนังสือเล่มที่ชื่อว่า “สูตรลับเศรษฐี” ซึ่งเป็นหนังสือเรื่องยาวเล่มแรกที่กลั่นจากประสบการณ์ทั้งชีวิต ในฐานะมือปืนรับจ้าง

น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เขาพยายามเป็นเถ้าแก่หลายครั้ง แล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่พอเปลี่ยนใจมาเป็นกุนซือ กลับมีส่วนผลักดันให้ “เถ้าแก่” หลายคนกลายเป็น “เจ้าสัว” และเจ้าสัวบางคนก็ขยับขึ้นไปเป็น “มหาเศรษฐี”

ปัจจุบัน เฉลียว หรือนามปากกาว่า ปัญญลักษณ์ สุวรรณกิตติ รั้งเก้าอี้เป็นรองประธานกรรมการ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด มีหน้าที่ให้คำปรึกษาให้กับเจเนอเรชั่นที่ 3 ของเครือซีพี เขาเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อร่วม 10 ปีที่แล้วว่า ภารกิจของเขาอาจจะเรียกว่าเป็นที่ปรึกษาอดีต

เป็นการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของโครงการ ในยุคสมัยที่ธุรกิจโทรคมนาคมเพิ่งเริ่มต้น แต่นับเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้คือ โครงสร้างพื้นฐานที่นำความแข็งแกร่งมาสู่ทุกอณูของอาณาจักรซีพี

“เศรษฐีหลายคนเคยผ่านความยากจนมา บางคนในวัยเด็กเคยเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อยู่” ความจนเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ โดยเฉพาะเมื่อล่วงเข้าสู่วัยชรา เข้าทำนอง เจ็บ เจ่า จน เจ็บไข้ได้ป่วยเพราะมีโรคเรื้อรัง เจ่าจุกตามลำพังเพราะไม่มีคนเหลียวแล ถ้าแก่แล้วจนก็ยิ่งเป็นทุกข์สุดขีด เหตุที่ต้องตกอยู่ในภาวะเช่นนี้เพราะไม่ได้สร้างฐานะตั้งแต่ในวัยที่ควรจะทำได้

ฉะนั้นอย่างไรเสีย ในโลกของความเป็นจริง เงินมีความสำคัญกับการดำรงชีวิต เพราะจะช่วยหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตได้อย่างไม่มีสิ้นสุด แต่ก็โปรดอย่าลืมว่า เงินไม่สามารถดลบันดาลได้ทุกสิ่ง เศรษฐีหลายคนไม่มีความสุขทั้งๆ ที่ร่ำรวยมหาศาล กล่าวได้ว่า การมีความสุขกับการร่ำรวยเป็นคนละเรื่องกัน

นอกจากการตั้งคำถามว่า อะไรทำให้เศรษฐีแต่ละคนประสบความสำเร็จ สิ่งที่ควรถามต่อไปก็คือ มีคุณสมบัติอะไรที่ทำให้เศรษฐีดูพิเศษเหนือมนุษย์ มือขวาเศรษฐีบอกว่า จากการรวบรวมสถิติที่คล้ายคลึงกัน คนที่ประสบความสำเร็จจะมี 12 คุณสมบัติโดดเด่นกว่าคนทั่วไปคือ

1.เป็นคนเก่งรอบตัว 2.เป็นผู้รู้จักใช้โอกาสของชีวิตได้อย่างเต็มที่ 3.มีวิสัยทัศน์และลางสังหรณ์ 4. มีนิสัยเรียนรู้และชอบศึกษาโดยไม่จำกัด 5.มีลักษณะผู้นำ 6.มีศิลปะและรู้จักใช้เทคนิคของทฤษฎีหน้าหนาใจดำ

7. รู้จักเลือกพี่เลี้ยงและผู้สนับสนุนอย่างถูกต้องและถูกจังหวะ 8.มีความสามารถในการสร้างเครือข่ายใย 9.สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสทุกกรณี 10.ช่างคิดและช่างทำ เป็นทั้งนักคิดและนักปฏิบัติ 11.รู้ค่าของเงิน และ 12.มีดวงดีและมีทัศนคติที่ดี

ความเก่งรอบตัวจะต้องครบเครื่องทั้ง เก่งตน (คิดเก่ง พูดเก่ง เขียนเก่ง ฟังเก่ง และจดจำดี) เก่งคน (คนที่ห้อมล้อมตัวได้แก่ คนชั้นบน คนระดับเดียวกัน คนระดับล่าง) และเก่งงาน (เรียนรู้งานได้เร็ว มองงานในมุมกว้าง ทำงานเป็น และทำด้วยใจรัก)

เฉลียวเล่าว่า คนที่ก้าวสู่ความเป็นอภิมหาเศรษฐี หนึ่งในคุณสมบัติที่พิเศษคือ สามารถนำเอาโอกาสเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ไปพัฒนาต่อยอดได้ ทั้งยังสามารถสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้ ไม่ใช่เพียงแค่รอหามันเท่านั้น

“ต้องสร้างสัญชาตญาณให้สามารถจับโอกาส แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ยิ่งกว่านั้นต้องรู้จักสร้างโอกาสให้เป็นนิสัย แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งวันหนึ่งจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”

ผู้นำกับวิสัยทัศน์มักจะแยกกันไม่ออก และผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีคือ ผู้ที่สามารถมองเห็นการณ์ไกล คาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ตรงนี้เรียกว่า ลางสังหรณ์

ดูอย่าง “ลีกา ชิง” อภิมหาเศรษฐีจีนฮ่องกงนั่นปะไร ยุคที่คนฮ่องกงกำลังแตกตื่นเพราะอังกฤษจะคืนสิทธิการเช่าให้จีน มีผลทำให้ราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยตกระเนระนาด เขากลับกว้านซื้อสินทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้เอาไว้อย่างเย็นใจ ไม่นานลีกา ชิง เปลี่ยนจากเศรษฐีธรรมดากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีระดับโลก

ปัญหาคือ เราจะสร้างวิสัยทัศน์ทำเงินอย่างลีกา ชิง ได้อย่างไร

“ต้องหัดฝึกฝนรวบรวมข้อมูลปัจจุบัน วิเคราะห์ให้เกิดเป็นภาพในอนาคต จนเกิดเป็นนิสัยกลายเป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ดี ไม่มีวิธีอื่น ต้องอาศัยเวลาและความอดทนฝึกฝน” เฉลียวแนะวิธีสะสมวิสัยทัศน์แบบหยอดกระปุก

ปริญญาไม่ได้เป็นหลักประกันว่าต้องประสบความสำเร็จในชีวิต แต่การใฝ่รู้อย่างไม่หยุดยั้งตะหากที่เป็นใบรับประกันความสำเร็จตลอดชีพ

เฉลียวชี้ว่า การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในระบบ เศรษฐีหลายคนที่ติดอันดับโลก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช้เวลาอ่านหนังสือไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน ยิ่งในยุคสมัยของอินเทอร์เน็ตด้วยแล้ว อินเทอร์เน็ตถือเป็นคลังความรู้ สำหรับคนซึ่งต้องการความก้าวหน้าในชีวิตจะละเลยไม่ได้

คุณสมบัติหนึ่งของผู้นำทั่วโลกที่เหมือนกันคือ มีความสามารถในการเป็นผู้นำ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดบอกว่า ผู้นำทางธุรกิจยุคนี้ต้องมี 3 คุณสมบัติสำคัญคือ 1.มีความสามารถในด้าน Creativity มีความคิดสร้างสรรค์ แปลงนามธรรมให้เป็นรูปธรรมได้ 2.มีความสามารถในการกำหนด Strategy ค้นหาคำตอบต่อคำถามที่ว่าอย่างไร เพื่อดำเนินการสู่เป้าหมาย 3.สามารถสร้างให้เกิดสภาวะ Connectivity เชื่อมโยงจุดต่างๆ เพื่อให้สัญญาณเดินครบวงจรจึงจะเกิดผล

สูตรลับเศรษฐี ซึ่งบางคนมองว่าเป็นคุณสมบัติที่ชั่วร้าย จนเศรษฐีและผู้นำหลายคนไม่กล้ายอมรับก็คือ ทฤษฎีหน้าหนาใจดำ คือ คนที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ให้ปรากฏทางสีหน้า มีจิตใจเข้มแข็ง กล้าตัดสินใจแม้ในเรื่องที่ฝืนความรู้สึก แต่ต้องกำกับพฤติกรรมด้วยคุณธรรม ถ้ามัวยึดแต่ประโยชน์ส่วนตน จะเจริญอย่างไม่ยั่งยืน

หลายแง่มุมของหนังสือเล่มนี้ เฉลียวไม่ได้ตั้งใจให้เป็นสูตรสำเร็จเหมือนตำราทำกับข้าว เพียงแต่เป็นแนวทางกว้างๆ ที่ต้องไปประยุกต์ให้เข้ากับเงื่อนไขชีวิตแต่ละคน

ทุกคนที่เป็นเศรษฐีล้วนยังพิมพ์แบงก์เองไม่ได้ แต่ทุกวิธีคิดของพวกเขา กลับเสกเงินให้งอกขึ้นมา ไม่ต่างจากหญ้าในสนาม
ไม่มีใครพิมพ์แบงก์เองได้ แต่บางวิธีคิดของเรา สามารถเสกเงินให้งอกได้ แม้จะเป็นเพียงสนามเล็กๆ หลังบ้าน
ไม่ใช่สนามระดับโลกที่ทุกคนจับตามองก็ตามที



INSURANCETHAI.NET
Line+